www.ryt9.com วันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2556

จังหวัดอำนาจเจริญเดินหน้าธรรมนูญประชาชนจังหวัดจัดการตนเอง หลังทำความเข้าใจปัญหารากเหง้า ศึกษาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ใช้กระบวนการบูรณาการคิดเองแก้ปัญหาเอง เป็นธรรมนูญของคนอำนาจเจริญอย่างแท้จริง

 เมื่อเร็วๆ นี้ นายวิรัตน์ สุขกุล ประธานเครือข่ายปฏิรูปอำนาจเจริญกล่าวในการประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ จังหวัดจัดการตนเองเรื่อง “เบิ่งแงง…อำนาจเจริญ” จัดโดยเครือข่ายปฏิรูปอำนาจเจริญ สำนักงานสภาพัฒนาการเมือง (สพม.) สำนักงานปฏิรูป (สปร.) สถาบันพัฒนาองค์กรเอกชน (พอช.) และสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ว่าจังหวัดอำนาจเจริญ ได้แยกตัวจากจังหวัดอุบลราชธานีมาตั้งแต่ ปี 2536 ณ วันนี้ ผ่านมาเกือบ 20 ปี อำนาจเจริญ ได้มีการเปลี่ยนแปลง มีการพัฒนาขึ้นในหลายๆ ด้าน

 ”วันนี้จังหวัดอำนาจเจริญมีธรรมนูญจังหวัดแล้ว มีประชาชนทั้งจังหวัดเป็นผู้กำหนดว่าจะทำอย่างไรบ้าง และได้ดำเนินแผนงานไปหลายอย่าง เช่น แผนชุมชนต่างๆ เป็นตัวอย่างที่ดีให้จังหวัดอื่นๆ เริ่มมีการมองไปถึงอนาคตข้างหน้า แต่เราจะต้องมาทบทวนตัวเองว่าตอนนี้จังหวัดของเราเป็นอย่างไรบ้าง”

 นายวิรัตน์ กล่าวว่า จังหวัดอำนาจเจริญมีจำนวนประชากร 372,137 คน ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม แต่เมื่อดูผลผลิตในแต่ละปี หรือค่าจีดีพี เมื่อเทียบกับจังหวัดอื่นยังน้อยอยู่มาก ประชาชนส่วนใหญ่ยัง มีปัญหาเรื่องหนี้สินมีรายได้ไม่เพียงพอ มีปัญหาเรื่องสุขภาพ ระบบสาธารณสุขไม่เพียงพอ ปัญหาทางสังคม เช่น ปัญหาครอบครัว และเรื่องยาเสพติด ปัญหาขาดการศึกษา ซึ่งธรรมนูญจังหวัดอำนาจเจริญในหมวดที่ 4 ระบุถึงการปฏิรูประบบการศึกษาแบบใหม่ เน้นทักษะชีวิต ให้สอดคล้องกับวิถีชุมชนและการมีส่วนร่วม ปัญหาเหล่านี้เป็นสิ่งที่ท้าทายปฏิบัติการของธรรมนูญจังหวัดอำนาจเจริญทั้งสิ้น

 ด้าน นายชาติวัฒน์ ร่วมสุข สมาชิกสภาพัฒนาการเมืองจังหวัดอำนาจเจริญ เห็นว่าจังหวัดอำนาจเจริญได้มีการร่วมมือของประชาชนมานาน เริ่มต้นจากแกนนำแค่ 10 คน มีการสร้างความเข้าใจ ใช้ปัญหาเป็นบทเรียน เพื่อให้เห็นรากเหง้าของปัญหา ใช้กระบวนการพัฒนามาแก้ปัญหาสร้างบทเรียน จัดเวทีพูดคุยกรณีแก้ปัญหาร่วมของคนในชุมชน ให้ประชาชนคิดเองทำเอง กำหนดเป้าหมายด้วยตัวเอง จึงเกิดเป็นธรรมนูญอำนาจเจริญขึ้นมา ประชาชนเป็นองค์กรขับเคลื่อนสู่การสร้างประชาคม มีการสนับสนุนความร่วมมือของภาควิชาการ เราต้องจัดการตนเองให้ได้ การรวมศูนย์อำนาจจากส่วนกลางและวิธีการแก้ปัญหาของรัฐบาล ไม่สามารถคลี่คลายความเดือดร้อนในท้องถิ่นได้ วันนี้เราจะมองไปยังอนาคตทั้งวิถีชีวิต ทั้งระบบเศรษฐกิจ ระบบการศึกษา

 ”เราจะทำให้จังหวัดอำนาจเจริญ เป็นเมืองแห่งธรรมเกษตร คือการนำเอาธรรมะ มาใช้เป็นหลักในการดำเนินชีวิตให้เข้าไปอยู่ในจิตใจ ให้เป็นสังคมที่เป็นเกษตรปลอดภัยไร้สารพิษ เราต้องร่วมกันแก้ไขปัญหาความยากจนของคนอำนาจเจริญอย่างบูรณาการ มีการจัดการระบบสังคม การเรียนการศึกษา “เพื่อชีวิต” นำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาประยุกต์ใช้ กับระบบการศึกษา สร้างหลักสูตรวิถีเกษตรวิถีธรรม ชุมชนมีส่วนร่วมจัดหลักสูตร และประเมินการเรียนการสอน เพื่อจัดการศึกษาที่ชุมชนต้องการ และสนับสนุนให้เกิดการจัดการเรียนรู้นอกโรงเรียน มีการพัฒนากลุ่มเด็กและเยาวชน ให้รักถิ่นฐาน รักบ้านเกิด มีจิตสำนึกเรื่องจิตอาสา สร้างพื้นที่และส่งเสริมให้เยาวชนคนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาอำนาจเจริญ สร้างสถาบันครอบครัวที่อบอุ่นและเข้มแข็ง และเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาเป็นประจำและสม่ำเสมอ”

 นายพลากร วงค์กองแก้ว ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) กล่าวว่า การจัดการตนเองของอำนาจเจริญนั้น เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี และน่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ประชาชนได้มีโอกาสกำหนดทิศทางของตัวเองอย่างแท้จริง ได้ร่วมกันตั้งแผนขึ้นมาและทำด้วยตัวของเขาเอง สิ่งเหล่านี้ จะเป็นแบบอย่างให้จังหวัดอื่นๆ เข้ามาดูเป็นตัวอย่างได้ในอนาคต อย่างไรก็ตาม เราต้องทำข้อมูลให้ถูกต้องชัดเจนมากขึ้นเพื่อเสนอจังหวัด การมองอนาคตอีก 20 ปีข้างหน้า อาจนานเกินไป อยากให้มีโครงการที่สามารถทำได้ในระยะเวลาใกล้ๆ เป็นโครงการระยะสั้น เราต้องอธิบายให้เข้าใจว่าการบริหารจัดการด้วยประชาชนนั้นมีวิธีการอย่างไร ส่วนเรื่องงบประมาณและสวัสดิการ ชุมชนก็ต้องมีการบริหารจัดการที่ดี มีทั้งข้อมูล มีแผนงาน การจัดการ มีโครงสร้างที่ดี แล้วทุกอย่างจะก้าวหน้าไปได้เร็ว

 ดร.สุรศักดิ์ บุญเทียน ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานปฏิรูป กล่าวว่า เราจะต้องร่วมมือกันทำงาน ต้องปรับวิธีคิด ต้องใช้จังหวัดจัดการตนเองมาเป็นต้นแบบนำร่อง จากบทเรียนในระดับพื้นที่ทั่วประเทศ ถ้ามีคนนำ มีคนรู้ มีคนทำเป็นแบบอย่างแล้ว ส่วนใหญ่จะประสบความสำเร็จ จังหวัดอำนาจเจริญเป็นเมืองแห่งเกษตร และในอีก 3 ปีข้างหน้านี้ เออีซี ก็จะเข้ามา เราสามารถกำหนดทิศทางได้ว่าเราจะเป็นเมืองแห่งเกษตร ซึ่งอันนี้เป็น จุดที่สำคัญ เราต้องมุ่งมั่นและทำงานในทิศทางเดิมที่ได้ขับเคลื่อนกันไว้ ประชาชนต้องเป็นผู้ปฏิรูปประเทศ และเชื่อว่านายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดจะเป็นเรี่ยวแรงสำคัญในการขับเคลื่อนงานจนสำเร็จเห็นผลต่อไป

 ขณะที่ นายศักดิ์ชัย ตั้งตระกูลวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอำนาจเจริญ (นายก อบจ.) กล่าวว่า ชาวอำนาจเจริญทุกคนมีความตื่นตัว และต้องการให้จังหวัดมีการพัฒนาอย่างแท้จริง ประชาชนทุกคนนั้นจะต้องมีการศึกษาที่ดี มีความรู้ความเข้าใจให้มากขึ้น เพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลง ที่จะมาถึงในอีก 3 ปีข้างหน้า เมื่อมีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซีแล้ว ต้องพร้อมปรับกระบวนการทำงานพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น

 ”หัวใจหลักคือร่วมกันแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ซึ่งแนวทางการปฏิรูปเน้นให้พื้นที่จัดการตนเอง จังหวัดจัดการตนเอง มีกรอบแนวคิดใช้พื้นที่เป็นฐาน การมีธรรมนูญภาคประชาชนจะเห็นได้ว่ามีการรวมตัวกัน รวมพลังกัน พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กันหลายๆ ครั้ง หลายๆ ที่ โดยมีองค์กรหลายภาคส่วน หลายหน่วยงานเข้ามาร่วมด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมาก ตอนนี้ทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดี ในระดับจังหวัดนั้น ท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ก็เห็นด้วย เพื่อให้ประชาชนอยู่ได้ด้วยตนเองอย่างยั่งยืน” นายศักดิ์ชัย กล่าวทิ้งท้าย