ในรายงานสถานการณ์สุขภาพคนไทยปี 2552 นำเสนอเรื่องความขัดแย้งทางการเมืองเป็นสถานการณ์เด่นอันดับ 1 โดยรายงานว่าสถาบันจัดดัชนีความสงบสุขของโลก (Global Peace Index) จัดอันดับให้ประเทศไทยมีความสงบสุขต่ำกว่าประเทศอาเซียนทุกประเทศ
  เพราะความขัดแย้งระหว่างคนไทยด้วยกัน ที่เริ่มจากความขัดแย้งทางการเมืองก่อนบานปลายสู่ความแตกแยกทางสังคม นอกจากนี้สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข ยังระบุว่า ความรุนแรงเป็น 1 ใน 10 สาเหตุสำคัญของการตาย คนที่ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงมีจำนวนมากขึ้นอย่างน่าตกใจ จากสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งจะมีการรวมตัวกันในวันที่ 12-14 มีนาคมนี้ เป็นอีกสถานการณ์หนึ่งที่ก่อให้เกิดบรรยากาศความตึงเครียดแก่ทุกฝ่ายในสังคม “เครือข่ายสมัชชาสุขภาพ” จึงมีการเคลื่อนไหวเพื่อชวนกันลดทุกข์ของคนไทย ในแนวทางและจุดยืนที่สร้างสรรค์ ภายใต้แนวคิดว่า การแก้ไขปัญหาทุกเรื่องต้องยึดหลักการมี “หัวใจความเป็นมนุษย์” จะช่วยลดบรรยากาศที่ร้อนแรงขณะนี้ และช่วยเยียวยานำพาสังคมไทยให้พ้นวิกฤตความขัดแย้งครั้งนี้ กลับคืนสู่สังคมสุขภาวะได้ นายสุรินทร์ กิจนิตย์ชีว์ หนึ่งในแกนนำสมัชชาสุขภาพ กล่าวว่า “ จริง ๆ แล้วพวกเราคนไทยทุกคนเปรียบเสมือนกับเมล็ดพันธุ์เดียวกัน เติบโตขึ้นเป็นต้นไม้ใหญ่ แล้วแตกออกเป็นกิ่ง แยกออกเป็นก้าน ผลิใบไปอีกมากมาย ดังนั้นไม่ว่าเหตุการณ์ใดจะเกิดขึ้นอยากให้คนไทยทุกฝ่ายตระหนักว่า “เราคือคนไทย และเราเป็นใบไม้ต้นเดียวกัน” ถ้าเราต่างทำลายกิ่งก้าน ดอก ใบในที่สุดต้นไม้ต้นนี้จะล้มครืนลง คนที่เจ็บปวดที่สุดก็คือ พวกเราทุกคนที่อาศัยอยู่บนต้นไม้ต้นเดียวกัน บนผืนแผ่นดินเดียวกัน
  นางศิรินา ปวโรฬารวิทยา กรรมการสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า ”จุดเด่นของคนไทยที่ชาติอื่นยกย่องเราเสมอมา คือ ความเอื้ออาทร ความมีจิตใจอ่อนโยน ความเมตตาต่อกัน ไม่เพียงแต่เฉพาะคนเท่านั้น แต่ยังเผื่อแผ่ไปยังทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ด้วย นี่คือ “หัวใจของความเป็นมนุษย์” แต่สถานการณ์ตอนนี้ จะทำอย่างไรให้เรานำพาสังคมไทยให้หวนกลับไปสู่รากเหง้าของสังคมในการอยู่ร่วมกัน อย่างไรก็ตามดิฉันเชื่อมั่นว่าสิ่งนี้ยังมีอยู่ในหัวใจของคนไทยทุกคน และมันจะกลับมาได้ไม่ยาก ณ วินาทีจึงอยากชวนคนไทยให้ตั้งสติทบทวน เราต้องใช้หัวใจของความเป็นมนุษย์ เราจึงจะอยู่ร่วมกันอย่างมีสุขภาวะ” แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต ในนามเครือข่ายสมัชชาสุขภาพ กล่าวว่า “ไม่ว่าในโลกนี้จะมีเรื่องราวใดๆ เกิดขึ้น มันเป็นแบบฝึกหัดที่ทำให้เราได้ศึกษา
   ยิ่งสถานการณ์อยู่ในภาวะวิกฤต หน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ ประชาชนทุกหมู่เหล่ายิ่งต้องตั้งสติกันให้มั่น เพราะถ้าเราขาดสติ สังคมที่มีความทุกข์ร่วมกันหนักอยู่แล้ว จะยิ่งทุกข์ร่วมกันหนักขึ้นไปอีก และเราต้องเตือนตัวเองอยู่เสมอว่า เราจะไม่เป็นสาเหตุที่ทำให้ใครต้องเจ็บปวด ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ หากเราทุกคนสามารถระลึกถึงสิ่งนี้อยู่เสมอ เราก็จะไม่ทำร้ายใคร สังคมไทยก็จะกลับไปสู่ความสงบเย็นและเป็นสุข ก้าวข้ามวิกฤตของประเทศไทยไปได้” นายแพทย์ชาตรี เจริญศิริ รองเลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ผู้ประสานงานเครือข่ายฯ กล่าวว่า “เครือข่ายสมัชชาสุขภาพ ประกอบด้วยองค์กรภาคีเครือข่ายภาครัฐ ภาควิชาการ และภาคประชาสังคม ที่ทำงานเพื่อสร้างสุขภาวะทั้งทางกาย ใจ สังคม และจิตวิญญาณ ร่วมกันมานานนับสิบปี จำนวนกว่า 3,000 เครือข่าย รู้สึกเป็นทุกข์ร้อนกับภาวะวิกฤตของสังคมที่มีผลมาจากความขัดแย้งทางการเมืองเหมือนๆ กับพี่น้องคนไทยทุกคนในขณะนี้ จึงอยากจะชวนคนไทยทุกฝ่ายร่วมกันก้าวข้ามวิกฤตของประเทศ
  โดยยึดหลักการมีหัวใจของความเป็นมนุษย์ เพราะเราเป็นคนไทย ซึ่งก็เหมือนเราเป็นใบไม้ต้นเดียวกัน ถ้าทุกคนมีความรักและเข้าใจต่อกัน เราก็จะช่วยกันพลิกสถานการณ์กลับมาทำให้สังคมไทยคืนสู่สังคมสุขภาวะได้อีกครั้งหนึ่ง