มติชน ฉบับวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

เมื่อวันที่23 พฤษภาคม นพ.ยศ ตีระวัฒนานนท์ หัวหน้าโครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายสุขภาพ หรือไฮแทป (HITAP) ร่วมกับมูลนิธิสร้างความมั่นใจเรื่องสุขภาพผู้หญิง (สคส.) และภาคีเครือข่าย 32 องค์กร แถลงข่าว “วัคซีนมะเร็งปากมดลูก ราคานี้ยังได้ไม่คุ้มเสีย” ว่า การฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อเอชพีวีไม่สามารถป้องกันได้ 100% และจากงานวิจัยเพียงชิ้นเดียวของประเทศไทย ซึ่งเก็บตัวอย่างใน 2 จังหวัด พบว่าหญิงไทยที่เป็นมะเร็งปากมดลูกเกิดจากไวรัสชนิดที่ 16 และ 18 ที่วัคซีนครอบคลุม ซึ่งพบเพียงร้อยละ 50 เท่านั้น ซึ่งต่างจากงานวิจัยในประเทศอื่นๆที่ระบุว่าพบไวรัสชนิดที่ 16, 18 ที่ร้อยละ 70 ดังนั้น หากรัฐบาลจะเดินหน้าวัคซีนดังกล่าว จะต้องมีการวิจัยเพื่อเก็บข้อมูลที่รอบด้านกว่านี้

นพ.ยศแถลงว่า หากมีการใช้วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกในราคา 190 บาท ต้องใช้ 3 เข็ม ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้ข้อมูลว่าจะฉีดในเด็กอายุ 12 ปี ประมาณ 4 แสนคน ดังนั้น หากรวมจำนวนเข็มทั้งหมด ที่ต้องฉีดต่อปีเท่ากับ 1,200,000 เข็ม จำนวนดังกล่าว ต้องเทียบว่าคุ้มหรือไม่ ซึ่งข้อมูลงานวิจัยทั่วโลกมีการคำนวณประสิทธิผลจากการรับวัคซีนว่า รับวัคซีนชนิดนี้ 1 ครั้ง จะช่วยยืดอายุเพียง 5-7 วัน ซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับการป้องกันอย่างอื่นอาทิ รณรงค์ป้องกันให้เลิกสูบบุหรี่ที่หากหยุดสูบในช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไป จะช่วยยืดอายุได้ 1-2 ปี และลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดมะเร็งปอด และมะเร็งปากมดลูกในผู้หญิงที่เคยสูบบุหรี่

“เมื่อ6 ปีก่อน วัคซีนชนิดนี้เข้าตลาดครั้งแรก 15,000 บาท ปัจจุบันราคาต้นทุนก็ไม่ต่างจากเมื่อ6 ปีก่อน เข็มละไม่เกิน 90 บาท ดังนั้น รัฐบาลต้องมีกลไกที่ดีในการรับมือ เพราะขณะนี้บริษัทยาได้ทำการตลาดในประเทศไทยโดยลดราคา จาก 15,000 บาท เหลือ 7,000 บาท ซึ่งยังถือว่าแพงมาก” นพ.ยศกล่าว และว่า จากการศึกษาเรื่องราคาวัคซีนพบว่าจุดคุ้มทุนที่รัฐบาลจะสามารถจัดหาให้ ประชาชนได้คือ เข็มละ 190 บาท ซึ่งเกิดจากรัฐบาลตั้งโจทย์ว่า

หากจะนำงบประมาณที่สามารถประหยัดได้จากการ รักษามาใช้ในการฉีดวัคซีนจะเป็นเท่าใด ซึ่งโจทย์ดังกล่าวคิดอยู่บนพื้นฐาน ว่าฉีด 3 เข็มป้องกันได้ตลอดชีวิต แต่หากผลการวิจัยเปลี่ยนแปลงและต้องฉีดกระตุ้นซ้ำ จะไม่สามารถคิดที่เข็มละ 190 บาท ได้ นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอว่าจำเป็นต้องเพิ่มการคัดกรองให้ได้ร้อยละ 80 ควบคู่กับการให้ความรู้ประชาชน

ด้าน น.ส.ณัฐยา บุญภักดี มูลนิธิสร้างความเข้าใจเรื่องสุขภาพผู้หญิงกล่าวว่า ทุกวันนี้ยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับมะเร็งปากมดลูกอย่างมาก เช่น คิดว่าเป็นเรื่องความไม่สะอาดและบริษัทที่ผลิตและขายวัคซีนมักให้ความรู้ว่า โรคมะเร็งปากมดลูกต้องแก้ด้วยวัคซีนเท่านั้น แต่ข้อเท็จจริงหากตรวจคัดกรองและพบการติดเชื้อตั้งแต่เบื้องต้นที่เป็นการ อักเสบ จะสามารถรักษาได้หายขาดทันที และไม่ต้องใช้ต้นทุนสูง