คสช.หนุนถอน “เหล้า-บุหรี่” ออกจากรายการสินค้าเสรีในการเจรจาการค้าไทย-สหภาพยุโรป คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) มีมติเสนอให้ถอนสินค้าเหล้า-บุหรี่ออกจากรายการสินค้าลดภาษี ชี้ได้ไม่คุ้มเสีย เพราะเป็นสินค้าทำลายสุขภาพ ส่งผลกระทบต่อสุขภาวะในวงกว้าง ยันหนุนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติปกป้องความเข้มแข็งของนโยบายแอลกอฮอล์จากผลกระทบของข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศ ในที่ประชุม คสช. เมื่อ 22 ตุลาคม 2553 ได้พิจารณาการเตรียมการจัดทำความตกลงการค้าเสรี
  ไทย-สหภาพยุโรปในกรณีสินค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ ซึ่งเป็นนโยบายที่ขัดแย้งกับนโยบายการควบคุมการบริโภคสุราและบุหรี่ของประเทศไทย ประเด็นดังกล่าวสืบเนื่องมาจากการประชุมคณะกรรมการสนับสนุนการศึกษาและติดตามการเจรจาการค้าระหว่างประเทศที่มีผลกระทบต่อสุขภาพและนโยบายสุขภาพที่คสช.แต่งตั้ง โดยมี นางศิรินา ปวโรฬารวิทยา
  เป็นประธาน เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2553 ซึ่งที่ประชุมได้รับฟังข้อมูลผลกระทบทั้งผลดี ผลเสียที่เกิดขึ้นจากการทำความตกลงการค้าเสรีเรื่องสินค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ที่ผ่านมาในอดีต และผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตโดยสรุปคือ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่เป็นสินค้าพิเศษ เป็นสินค้าทำลายสุขภาพ หากมีกลไกทางการค้าที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวอย่างเสรีของสินค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ผ่านกลไกการตลาดโดยการลดภาษีจะทำให้เกิดการบริโภคมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพ
   รวมถึงมิติอื่นๆทั้งด้านสังคมและจริยธรรม ทำให้คนยากจนพ้นจากความยากจนยากขึ้น นางพรรณสิริ กุลนาถศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประธานที่ประชุมคสช.ในครั้งนี้ เปิดเผยว่า นโยบายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของประเทศไทยปัจจุบันมีการจำกัดการขายและการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่จนเป็นต้นแบบที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก ดังนั้นหากมีการยอมรับให้เปิดเสรีในสินค้าทั้งสองแล้วจะเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการยกเลิกนโยบายในประเทศตามมาในอนาคต นอกจากนี้ในเวทีระหว่างประเทศนั้นไทยมีจุดยืนที่ชัดเจนในเรื่องการดูแลป้องกันสุขภาพของประชาชนจนเป็นภาพลักษณ์ของประเทศ
  จึงต้องใช้ภาพลักษณ์นี้เป็นหลักในการวางกรอบการเจรจาด้วย อีกทั้งคสช.ให้ความสำคัญกับมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 2 พ.ศ.2552 เรื่องยุทธศาสตร์นโยบายแอลกอฮอล์ระดับชาติ ในมาตรการเรื่องการปกป้องความเข้มแข็งของนโยบายแอลกอฮอล์จากผลกระทบของข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศ โดยมีข้อเสนอให้สนับสนุนการพิจารณาถอน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบริการที่เกี่ยวข้องออกจากข้อตกลงการค้าและผลกระทบที่พึงมี และ/หรือ ละเว้นการบรรจุเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าเป็นรายชื่อสินค้าภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างประเทศ ทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคีและให้มีกระบวนการที่มีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย และให้คำนึงถึงผลกระทบในทุกมิติ นายแพทย์อำพล
   จินดาวัฒนะ เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า “จุดยืนของไทยชัดเจนว่ามีความพยายามที่จะให้มีการควบคุมสินค้าสองชนิดนี้ ถามถึงประโยชน์ต่อธุรกิจก็คือเก็บภาษีได้ แต่สังคมไม่เห็นว่ามันเป็นคุณ ถ้าคิดตรรกะแบบนี้ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปส่งเสริมให้มีการขาย หรือบริโภคสินค้าเหล่านี้ให้มากขึ้น จึงไม่มีเหตุผลว่าเหตุใดจะต้องนำสินค้า 2 ชนิดนี้ไปเจรจาเพื่อที่แลกกับผลประโยชน์อื่นๆ เพราะยิ่งผ่านเข้ามาง่าย และยิ่งเข้าถึงง่าย ยิ่งเป็นโทษต่อสุขภาพ ไม่ใช่แค่ต่อคนคนเดียวแต่กระทบทั้งสังคม”
 ด้านนายแพทย์วิชัย โชควิวัฒน กรรมการสุขภาพแห่งชาติและประธานคณะกรรมการบริหารสช. ได้ฝากข้อสังเกตไปยังกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศว่า ไม่ควรกังวลกับท่าทีของสหภาพยุโรปที่จะถอนสินค้าสำคัญ เช่นสินค้าเกษตรออก หากไทยถอนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ออกจากรายการสินค้าเสรี ทั้งนี้หากสหภาพยุโรปจะถอนสินค้าสำคัญก็ต้องมีเหตุผลที่พอเพียง โดยควรถอนสินค้าประเภทเดียวกันออก กล่าวคือ ไทยถอนสินค้าสองชนิดนี้เพราะมีผลกระทบต่อสุขภาพ สหภาพยุโรปก็ควรเลือกถอนสินค้าที่ทำลายสุขภาพ
   เช่นกันไม่ใช่ตัดสินค้าที่ไม่มีผลต่อสุขภาพออกโดยไม่มีเหตุผลสมควร ในที่สุดคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติได้มีมติเห็นชอบ ตามมติคณะกรรมการสนับสนุนการศึกษาและติดตามการเจรจาการค้าระหว่างประเทศที่มีผลกระทบต่อสุขภาพและนโยบายสุขภาพ ให้ละเว้นการบรรจุเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่เข้าเป็นรายชื่อสินค้าภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีกับสหภาพยุโรป และเสนอมติดังกล่าวและความห่วงกังวลต่อคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศและคณะอนุกรรมการกำกับดูแลการเจรจาความตกลงการค้าเสรีต่อไป //////////////////////////// ///////////////////////////
  ประสานงาน : งานสื่อสารทางสังคม สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ท พลินี เสริมสินสิริ (แตงโม) 02-590-2307 / 089-7759281 ท เขมวดี ขนาบแก้ว (ปูน) 02-590-2301 /081-8686613 ท ธนิษฐ์ สุคนธนิกร (ต๊ะ) 02-590-2483 / 081-6160771