พญ.ศศิธร ตั้งสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 จังหวัดขอนแก่น เชิญชวนประชาชนให้ความใส่ใจ ตื่นตัวต่ออันตรายของโรคหัวใจ เนื่องในวันหัวใจโลก29 กันยายน 2558 สำหรับในปีนี้ กระทรวงสาธารณสุขและมูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้กำหนดคำขวัญเพื่อการรณรงค์วันหัวใจโลกประจำปี คือ “ ดูแลสุขภาพหัวใจ ในทุกที่และทุกเวลา ” ซึ่งจะเน้นการรณรงค์ในประชากรทุกกลุ่มอายุ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่ กลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และผู้ที่มีไขมันในเลือดสูงผิดปกติ
พญ.ศศิธร ตั้งสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 จังหวัดขอนแก่นเปิดเผยว่า สถานการณ์โรคหัวใจและหลอดเลือด กำลังเป็นปัญหาสาธารณสุขระดับโลกและประเทศไทยในขณะนี้ จากรายงานขององค์การอนามัยโลก พ.ศ.2551 การเสียชีวิตของประชากรโลก 36 ล้านคนมีสาเหตุมาจาก 4 กลุ่มโรคNCDs ได้แก่ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง โรคถุงลมโป่งพองและโรคเบาหวาน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 63 ของการเสียชีวิตทั้งหมดของประชากรโลก (จากทั้งสิ้น 27 ล้านคน) สำหรับสถานการณ์ในประเทศไทย ปี 2557 มีผู้เสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดทั้งหมด 58,681 คน หรือเฉลี่ยชั่วโมงละ 7 คน คิดเป็นอัตราตายของโรคหัวใจและหลอดเลือด เท่ากับ 90.34 ต่อแสนประชากรจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคหัวใจขาดเลือด จำนวน 18,079 คน หรือ เฉลี่ยชั่วโมงละ 2 คนจากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข ในช่วงปี พ.ศ.2555- 2557พบว่าอัตราตายด้วยโรคหัวใจขาดเลือดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆและอัตราตายปี 2558(ตั้งแต่เดือน ต.ค.57-มิ.ย.58) พบอัตราตายเท่ากับ 20.32 ต่อแสนประชากรแสดงให้เห็นว่า โรคหัวใจขาดเลือดยังคงมีความรุนแรงเพราะอัตราตายและอัตราผู้ป่วยด้วยโรคหัวใจขาดเลือดยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เนื่องในวันหัวใจโลก 29 กันยายน2558 นี้ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 จังหวัดขอนแก่นจึงขอเชิญชวนประชาชน หันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพหัวใจดังนี้
1. หมั่นตรวจเช็คความดันโลหิต ความดันโลหิตสูงเป็นปัจจัยแรกๆที่นำสู่โรคหัวใจและอัมพาต ถือว่าเป็นฆาตกรเงียบเพราะมักจะไม่มีอาการแสดงเตือนให้รู้ก่อน
2. ไม่สูบบุหรี่และหลีกเลี่ยงการสูดดมควันบุหรี่ หากเลิกสูบบุหรี่ภายใน 2 ปี ความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและอัมพาต จะลดลงอย่างรวดเร็ว และภายในระยะเวลา 15 ปี จะไม่พบความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและอัมพาต
3. ออกกำลังกายเป็นประจำ การออกกำลังกายระดับปานกลาง ครั้งละ 30 นาที 5 ครั้งต่อสัปดาห์ สามารถลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและอัมพาตได้
4. รู้ระดับน้ำตาลในเลือด ผู้ป่วยเบาหวานร้อยละ 60 เสียชีวิตเพราะโรคหัวใจและอัมพาต หากปล่อยให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงไม่ได้รับการรักษา จะทำให้เกิดโรคหัวใจและอัมพาต
5. จงระวังการรับประทาน ไขมันอิ่มตัว ไขมันทรานซ์ และเกลือ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและอัมพาต ไขมันที่มากเกินไปสามารถทำให้หลอดเลือดแดงตีบ-ตันการบริโภคเกลือมากเกินไปจะทำให้เกิดความดันโลหิตสูงและควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารแปรรูป ซึ่งมักจะมีเกลือค่อนข้างมาก โดยเฉลี่ยคนเราต้องการเกลือน้อยกว่า 5 กรัม ต่อวัน (ประมาณ 1 ช้อนชา) จึงควรหลีกเลี่ยงการบริโภคเกินความต้องการของร่างกาย
6. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหากเคยมีประวัติการเป็นโรคหัวใจและอัมพาต ควรเข้ารับการดูแลและพบแพทย์ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ถูกต้องเพื่อจะได้ไม่เกิดอาการอีก
ประชาชนสามารถติดตามแนวทาง คำแนะนำ และข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่เป็นปัจจุบันได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค หมายเลข 1422