เกษตรและสหกรณ์จังหวัดกาญจนบุรี เตือนภัยศัตรูพืชระบาด “เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล”
นางสาวสุมณฑา มณเทียร นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญงาน รักษาการแทนเกษตรและสหกรณ์จังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า ศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตรกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เตือนภัยเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างและภาคกลาง ที่มีพื้นที่ปลูกข้าวตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไป ให้ระวังการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลเกษตรและสหกรณ์จังหวัดกาญจนบุรี จึงแนะนำให้เกษตรกร ดำเนินการคำแนะนำดังกล่าว เพื่อป้องกันความเสียหายของผลผลิตทางการเกษตร เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ถึงสีน้ำตาลปนดำ มีรูปร่าง 2 ลักษณะ คือ ชนิดปีกยาว และชนิดปีกสั้น ชนิดมีปีกยาวสามารถเคลื่อนย้ายและอพยพไปในระยะทางใกล้และไกล โดยอาศัยกระแสลมช่วย ตัวเต็มวัยเพศเมียจะวางไข่เป็นกลุ่ม ส่วนใหญ่วางไข่ที่กาบใบข้าว หรือเส้นกลางใบ โดยวางไข่เป็นกลุ่ม เรียงแถวตามแนวตั้งฉากกับกาบใบข้าว บริเวณที่วางไข่จะมีรอยช้ำเป็นสีน้ำตาล ไข่มีลักษณะรูปกระสวยโค้งคล้ายกล้วยหอม มีสีขาวขุ่น ตัวอ่อนมี 5 ระยะ ระยะตัวอ่อน 16-17 วัน ตัวเต็มวัยเพศเมียชนิดปีกยาวมีขนาด 4-4.5 มิลลิเมตร วางไข่ประมาณ 100 ฟอง เพศผู้มีขนาด 3.5-4 มิลลิเมตร เพศเมียชนิดปีกสั้นวางไข่ประมาณ 300 ฟอง ตัวเต็มวัยมีชีวิตประมาณ 2 สัปดาห์ ในหนึ่งฤดูข้าวเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลสามารถเพิ่มปริมาณได้ 2-3 อายุขัย ปัจจัยที่มีผลต่อการระบาด การปลูกข้าวแบบนาหว่านน้ำตมมีปัญหาการระบาดมากกว่านาดำเพราะนาหว่านมีจำนวนต้นข้าวหนาแน่น ,การใช้ปุ๋ย ,การใช้ปุ๋ยอัตราสูง , การควบคุมน้ำในนาข้าว สภาพนาข้าวที่มีน้ำขังในตลอดเวลา การใช้สารฆ่าแมลง การใช้สารฆ่าแมลง ในระยะที่ เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล เป็นตัวเต็มวัย กรมการเกษตร แนะนำวิธีการป้องกันกำจัด 1.หลีกเลี่ยงการปลูกข้าวช่วงที่พบว่ามีเพลี้ยกระโดดมาเล่นแสงไฟในพื้นที่ 2.ปลูกข้าวโดยวิธีปักดำโยนกล้าหรือหว่านโดยใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวปลูกไม่เกิน 20 กิโลกรัม/ไร่ 3.ไม่ใช้ สารดะบะเม็กติน กำจัดหอยเชอรี่เพราะมีพิษร้ายแรงต่อศัตรู๔พืชธรรมชาติ
ทั้งนี้เกษตรกรควรหมั่นตรวจและสำรวจแปลงนาอย่างเสมอ เมื่อพบเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลให้เตือนเกษตรกรในพื้นที่และแจ้งเจ้าหน้าที่