ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายกำชับทุกหน่วยงาน ดำเนินมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันอย่างเข้มข้น หากพื้นที่ใดเกิดไฟป่า จะเชิญผู้นำเข้าพบเพื่อทำบันทึกความรับผิดชอบ
เมื่อเวลา 09.00 น. ของวันที่ 3 มี.ค. 2560 นายบุญส่ง เตชะมณีสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวในโอกาสเป็นประธานประชุมคณะทำงานขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน จังหวัดเชียงราย ที่ศูนย์สั่งการแก้ไขปัญหาไฟป่า ห้องประชุมสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 (เชียงราย) ว่า หลังจากที่จังหวัดเชียงรายได้ประกาศห้ามเผาเด็ดขาด 60 วัน (17 ก.พ.-17 เม.ย.60) จนถึงวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา จังหวัดเชียงรายเป็น 1 ใน 9 จังหวัดภาคเหนือ ที่เกิดจุดความร้อนเพียง 1 จุด น้อยกว่าทุกจังหวัด ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี และขอบคุณ ทุกฝ่ายที่ร่วมกันดำเนินการ อย่างไรก็ตาม มีความเป็นห่วงช่วงเวลาที่เหลือ ขอให้ทุกอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการทำงานร่วมกัน และเพิ่มการลาดตระเวนในพื้นที่เสี่ยงอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะอำเภอที่มีพื้นที่ติดต่อกัน ให้ประชุมวางแนวทางแก้ไขปัญหา เพราะถือเป็นความรับผิดชอบร่วมกัน อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหาขึ้นอยู่กับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งต้องทำความเข้าใจและขอความร่วมมือในการร่วมกันทำงาน ซึ่งจะเป็นแนวทางแห่งความสำเร็จ
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้ “ เน้น เข้ม ” พื้นที่ใดเกิดปัญหาไฟป่า จะมีมาตรการลงโทษ โดยจะให้ผู้นำท้องถิ่นเข้ามาพบ เพื่อทำบันทึกความรับผิดชอบ ส่วนอำเภอใดที่ไม่เกิดปัญหาไฟป่า ผู้ปฏิบัติงานจะได้รับการพิจารณาเลื่อนเงินเดือนขั้นพิเศษ และได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนสนับสนุนการป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันจังหวัดเชียงราย จำนวน 500,000 บาท เพื่อนำไปพัฒนาท้องถิ่น นอกจากนี้ยังมีรางวัลให้กับผู้แจ้งเบาะแสคนเผาป่า และรางวัลสำหรับผู้ปฏิบัติงานดีเด่น ทั้งนี้จังหวัดเชียงรายตั้งเป้าหมายลดจุดความร้อนในช่วง 60 วันอันตราย ลงร้อยละ 20 และค่าคุณภาพอากาศในช่วงดังกล่าว เกินมาตรฐาน ลดลงร้อยละ 20 สำหรับปัญหามลพิษหมอกควันข้ามแดนนั้น จังหวัดเชียงรายเราได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพใน การประชุมสิ่งแวดล้อม 5 ประเทศอนุภูมิภาคแม่โขง เรื่องมลพิษจากหมอกควันข้ามแดนครั้งที่ 6 จังหวัดเชียงราย เมื่อเวลา 09.00 ของวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2560 ที่โรงแรมเลอเมอริเดียน จังหวัดเชียงราย พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานการประชุมสิ่งแวดล้อม 5 ประเทศอนุภูมิภาคแม่โขงเรื่องมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน ครั้งที่ 6 โดยมีสมาชิกที่เข้าร่วมประชุมครั้งนี้ได้แก่ ลาว กัมพูชา เวียดนาม เมียนมาและไทย โดยศูนย์อุตุนิยมวิทยาเฉพาะทางอาเซียน ซึ่งดูแลโดยประเทศสิงคโปร์ รายงานว่าจำนวน hotspot ในภูมิภาคอาเซียนและประเทศกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขงตอนบนในปี 2559 มีจำนวนลดลงจากปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามคาดการณ์ว่าในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน 2560 สภาพอากาศแห้งแล้ง จะส่งผลให้เกิดจำนวน hotspot เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นประเทศสมาชิกต้องร่วมมือป้องกันและแก้ปัญหาหมอกควันไฟป่า ในประเทศอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันปัญหาหมอกควันข้ามแดนในภูมิภาค โดยมุ่งเน้น การสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกในการแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดนอย่างยั่งยืนต่อไป.