ปัญหาเรื่องการท้องไม่พร้อมถือเป็นปัญหาที่มีมายาวนานในสังคมไทย ปรากฏเป็นข่าวอย่างต่อเนื่องในหลายกรณีที่แม่ทิ้งทารกจากการ "ท้องไม่พร้อม" ไว้ตามสถานที่ต่างๆ หรือหาทางออกให้ตัวเองด้วยการทำแท้ง
ดังนั้นปัญหาการท้องไม่พร้อมดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่คนเห็นกันจนเฉยชา แต่หากหันกลับมามองจะพบว่าเป็นปัญหาเล็กๆ ที่นำมาซึ่งปัญหาใหญ่ๆที่มากมาย เช่นเยาวชนที่เกิดมาไม่มีคุณภาพ สมัยก่อนนั้นเรามักจะได้ข่าวว่า เมื่อเกิดเด็กท้องไม่พร้อมขึ้นมาในวัยเรียน โรงเรียนบังคับหรือกดดันให้ออกจากระบบการศึกษา
สิ่งนั้นยิ่งเหมือนเป็นการ "เหยียบย่ำ" คนท้องไม่พร้อมให้จมดินลงไปอีก หลายหน่วยงานรวมถึงรัฐบาลจึงเล็ง เห็นในปัญหาใหญ่นี้ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) จึงร่วมกับกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และจังหวัดนครราชสีมา จัดเวทีแลกเปลี่ยน "นครราชสีมา : ต้นแบบการจัดการและแก้ปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น" ขึ้น เพื่อถอดบทเรียน แก้ปัญหาและวางแนวทางการลดปัญหาท้องไม่พร้อมให้กับเยาวชน
เนื่องด้วยขณะนี้ พ.ร.บ.การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นมีผลบังคับใช้แล้ว เด็กและเยาวชนจะได้รับสิทธิประโยชน์ 5 เรื่องที่สำคัญ คือ
1.สถานศึกษาต้องจัดให้มีการสอนเพศวิถีศึกษาอย่างเหมาะสม จัดหาและพัฒนา ผู้สอนเพศวิถีศึกษา รวมถึงการให้คำปรึกษาช่วยเหลือและคุ้มครองวัยรุ่นที่ตั้งครรภ์ ให้ได้รับการศึกษาต่ออย่างเหมาะสม และส่งต่อให้ได้รับสวัสดิการสังคม
2.สถานบริการสุขภาพต้องให้ข้อมูลความรู้และจัดบริการอนามัยการเจริญพันธุ์ ส่งต่อให้ได้รับสวัสดิการสังคม
3.สถานประกอบกิจการต้องให้ข้อมูลความรู้ และส่งเสริมให้เข้าถึงบริการอนามัยการเจริญพันธุ์ ส่งต่อให้ได้รับสวัสดิการสังคม
4.หน่วยงานด้านสวัสดิการสังคมต้องจัดสวัสดิการสังคมให้กับวัยรุ่นที่ตั้งครรภ์ต่อเนื่องจนถึงหลังคลอด
และ 5.ให้ราชการส่วนท้องถิ่นมีอำนาจ ออกข้อบัญญัติท้องถิ่น เพื่อคุ้มครองสิทธิและสนับสนุนการเข้าถึงบริการต่างๆ ตามสิทธิของวัยรุ่น
กฎหมายกำหนดให้ 5 กระทรวงหลัก คือ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) มหาดไทย แรงงาน ศึกษาธิการ และสาธารณสุข ทำงานร่วมกัน ระหว่างนี้ในแต่ละกระทรวงจึงเตรียมออกกฎกระทรวงและระเบียบ เพื่อให้หน่วยงานนำไปปฏิบัติ
นายสมหมาย วิเชียรฉันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า จังหวัดนครราชสีมาได้รับผลกระทบจากปัญหาการ ตั้งครรภ์ในวัยรุ่นเป็นอย่างมาก ในปี 2552 มีหญิงอายุ 15-19 ปีที่มาคลอดเฉลี่ยสูงถึงวันละ 13 คน หรือคิดเป็น 58 คนต่อวัยรุ่นหญิงพันคน ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ
ที่น่าห่วงใยคือ 80 เปอร์เซ็นต์ ยังอยู่ในระบบการศึกษา จึงปรับการทำงานจากการแก้ไขปัญหาเป็นยุติปัญหา มีการวางแผน ร่วมกันกับทุกภาคส่วน โดยมองอนาคตร่วมกันใน 10 ปี ปรับการทำงานจากพื้นที่นำร่องเป็นการทำงานครอบคลุมทั้งจังหวัด เพื่อให้กระทบ ถึงเด็กเยาวชนทั้งจังหวัด ภายใต้กลยุทธ์จับคู่ การทำงานระหว่างสถานศึกษากับสถานบริการสุขภาพ 400 โรงเรียน 400 โรงพยาบาล พร้อมกับปรับศูนย์ประสานงานให้มีความชัดเจน
โดยมีสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมาเป็นหน่วยประสานงาน ทำให้ปัจจุบันในปี 2559 มีหญิงอายุ 15-19 ปี ที่มาคลอดบุตรลดลงเหลือ 48 ต่อวัยรุ่นหญิงพันคน ซึ่งเกิดจากการบูรณาการของหน่วยงานหลัก สถานศึกษาและสถานบริการสุขภาพองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และสสส. ซึ่งทิศทาง ในอีก 10 ปีข้างหน้าภายใต้ พ.ร.บ.การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น จ.นครราชสีมา ตั้งเป้าหมายในการลดอัตราการคลอดในหญิงอายุ 15-19 ปี ให้เหลือ 25 ต่อวัยรุ่นหญิงพันคน