" ช้า ก่อน แชร์ "
แนะผู้ใช้สังคมออนไลน์ ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลก่อนส่งต่อ โดยเฉพาะข้อมูลสุขภาพ นอกจากละเมิดสิทธิส่วนบุคคลยัง ผิด พ.ร.บ. สุขภาพ มีทั้งโทษปรัปและจำคุก

ปฎิเสธไม่ได้ว่ากิจกรรมส่วนใหญ่ของผู้คนในปัจจุบันหลังตื่นนอน ล้างหน้า แปรงฟัน ถูกแทนที่ด้วยการ เปิดเฟชบุ๊ค แล้วดูว่าใครกดถูกใจรูปที่อัปโหลดขึ้นไปบ้าง คำว่า "อ้าวไม่รู้เหรอ กลายเป็นประโยคของผู้คนในโลกออนไลน์ ที่เรียกขานกันยามเมื่อตกข่าว ความกลัวการตกข่าวนี้เอง ทำให้การแชร์ข้อมูลบุคคล แม้จะมีเจตนาดีเพื่อช่วยเหลือ แต่บ่อยครั้งก็ไปละเมิดสิทธิส่วนบุคคล

"ชัวร์ ก่อน แชร์ " ณลานสมัชชาสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ 8 นพ.อำพล จินดาวัฒนะ เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ( สช. ) หรือ หมออำพล ของเรานั่นเอง กล่าวถึง สถานการณ์การใช้สื่อออนไลน์ในปัจจุบันว่า ตนเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการสื่อสารในโลกออนไลน์โดยเฉพาะเฟชบุ๊ค เวลาไปไหนมาไหน จะอัปโหลดพร้อมติดป้ายชื่อ หรือ "แท๊ก" เพื่อในโลกออนไลน์เพื่อส่งต่อข้อมูลข่าวสาร ซึ่งจากการเฝ้าดูความเป็นไปในโลกออนไลน์ที่หมออำพลเรียก มีแต่เร็วมาก กับเร็ว พบว่าข้อมูลจำนวนมากที่ส่งต่อกันมิได้ทำการ ตรวจสอบความถูกต้องก่อนและหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การแชร์ข้อมูลสุขภาพผู้อื่น ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเจตนาเช่นใดก็ตาม ต่างก็มีความผิดตามพระราชบัญญัติ สุขภาพแห่งชาติ มาตรา 7 มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือ ปรัปไม่เกิน หนึ่งหมื่นบาท แม้ที่ผ่านมาจะยังไม่มีใครถูกเอาผิดตามมาตราก็ตาม แต่การแชร์ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่น โดยเฉพาะเมื่อเจ้าของข้อมูลไม่รับทราบ ย่อมถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล หรือศักศรีความเป็นมนุษย์ของเจ้าของข้อมูลทั้งสิ้น การแชร์ข้อมูลการขอรับบริจากเลือดที่มักส่งต่อกันในโลกออนไลน์กรณีหนึ่ง เป็นการส่งภาพผู้ป่วยในสภาพป่วยหนัก หรือ ระบุชื่อ นามสกุล และโรคที่ป่วย พร้อมหมู่เลือดที่รับบริจาค การส่งต่อข้อมูลดังกล่าวกินระยะเวลาถึง 3 ปี ในขณะที่ผู้ป่วยหายป่วยตั้งแต่ปีแรก และโรงพยาบาลได้ประกาศเลิกรับบริจาคเลือดไปนานแล้ว กระนั้นข้อมูลก็ยังส่งต่อพร้อมภาพผู้ป่วยที่ไม่น่าดู ทั้งที่ความเป็นจริง ณ ปัจจุบัน เขาไม่ได้มีสภาพที่น่าเวทนาแต่อย่างใดในทางตรงกันข้าม ภาพร่างกายที่ไม่น่าดู กับยังถูกส่งต่อไป

การไปละเมิดสิทธิของผู้อื่นทั้งอย่างตั้งใจ และไม่ได้ตั้งใจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ทุกอย่างเดินทางไปอย่างรวดเร็ว อย่างที่เราเรียกว่า "ไวรัส" เพราะมันรุกลามไปเร็วเสียจนเราควบคุมไม่ทัน หลายครั้งที่เราไปเยี่ยมไข้ แล้วถ่ายรูปผู้ป่วยเพื่อประกาศในโลกออนไลน์ว่า เรามาเยี่ยมผู้ป่วย ทั้งๆที่ตัวผู้ป่วยเองเขาไม่ได้ต้องการให้ใครรู้ว่าเขาป่วย ไม่ต้องการให้ใครเห็นเขาในสภาพที่ผิดไปจากตอนที่ สุขภาพดี

นอกจากบุคคลากรทางการแพทย์ ในถานะเป็นผู้กุมข้อมูลสุขภาพของประชาชนจำนวนมาก ควรได้รับการอบรมเกี่ยวกับการใช้สื่อ ออนไลน์ ซึ่งปัจจุบันโรงเรียนแพทย์มหิดล กำลังบรรจุเรื่องการใช้สื่อออนไลน์ เข้าไปในหลักสูตรเกี่ยวกับวิชาชีพ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ก่อนจะโพสหรือแชร์ ขอให้พิจจาณาว่า แม้จะเป็นการโพส ในนามส่วนบุคคล แต่ด้านหนึ่งเขาก็เป็นบุคคลของหน่วยงานนั้นด้วย

" ก่อนส่งต่อทุกครั้ง ให้คิดว่า คุณอยากมีรูปเหล่านี้บันทึกเอาไว้หรือไม
พรพรรณ เวินชุม รายงาน