สวัสดีค่ะท่านผู้ฟัง สถานีวิทยุและโทรทัศน์สุขภาพแห่งชาติ ทุกท่าน ในสัปดาห์ที่1ของเดือน พค.59 นี้ก็มีข่าวดีๆมานำเสนอให้ฟังกันค่ะ ที่ ศูนย์อนามัยที่ 5 จัดอบรมเชิงปฏิบัติการและการศึกษาดูงาน "เสริมสร้างชีวิตพิชิตโรคขยายผลสู่ประชาชนปี 2559 ขยะมูลค่าเพิ่ม"
ณ อาคารสโมสรเสื่อป่า ราชบุรี (ศูนย์อนามัยที่ 5) น.พ. ชลทิศ อุไรฤกษ์กุล ผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ 5 ราชบุรี เป็นประธานเปิดการอบรมเชิงปฎิบัติการและศึกษาดูงาน เรื่องการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการและการศึกษาดูงาน "เสริมสร้างชีวิตพิชิตโรคขยายผลสู่ประชาชนปี 2559 ขยะมูลค่าเพิ่ม" นำทีมคณะสื่อมวลชนเขตสุขภาพที่ 5 รวม 8 จังหวัดเข้าศึกษาดูงานเทศบาลตำบลหลักเมือง ในโครงการเสริมสร้างชีวิตพิชิตโลกขยายผลสู่ประชาชน ปี 2559 ขยะมูลค่าเพิ่ม ทราบถึงสภาวะของตนเองหากมีความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง สามารถนำความรู้ที่ได้รับสู่การปฏิบัติเพื่อให้ภาวะสุขภาพที่ดีขึ้นสามารถนำไปเผยแพร่ให้กับประชาชนได้ และยังเป็นการประชาสัมพันธ์กระตุ้นปลุกจิตสำนึกให้ประชาชนตระหนักถึงการลดใช้ขยะ การคัดแยก การนำกลับมาใช้ทราบถึงมูลค่าของขยะ ไม่ใช่แค่เพียงกระดาษ แก้ว และพลาสติก ที่มีมูลค่าเท่านั้น แต่ยังมีวัสดุอื่นๆที่สามารถนำไปใช้ และขายได้อีก รวมถึงการกำจัดขยะที่ถูกวิธีอีกด้วย โดยมีสื่อมวลชนเขตสุขภาพที่ 5 รวมกว่า 50 คน เข้าร่วมงาน.
น.พ. ชลทิศ อุไรฤกษ์กุล ผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ 5 ราชบุรี เปิดเผยว่า ภายในเขตสุขภาพที่ 5 ซึ่งมีเขตควบคุมการดูแล 8 จังหวัด ได้แก่จังหวัดนครปฐม , สมุทรสาคร , สุพรรณบุรี ,ราชบุรีกาญจนบุรี , เพชรบุรี ,สมุทรสงคราม ,และประจวบคีรีขันธ์ มีพื้นที่รวมกว่า 46,000 ตารางกิโลเมตร และจำนวนประชากรทั้งสิ้นกว่า 5,250,000 คน กรมควบคุมมลพิษได้มีการสำรวจมูลฝอยในวันที่ 12 มกราคม 2558 พบว่าในเขตสุขภาพที่ 5 มีบริมาณขยะมูลฝอยทั่วไปกว่า 1,800,000 ตันต่อปี เป็นอันดับต้นๆของประเทศโดยเฉลี่ยแล้ว ประชาชนหนึ่งคนจะทิ้งขยะเฉลี่ยวันละ 1 กิโลกรัม แต่ส่วนมากเกิดในภาครัฐ ภาคบริการ ภาคเอกชน และอุตสาหกรรม และในเขตมีการกำจัดขยะทั่วไปถูกต้องเพียงร้อยละ 20.37 จาก 108 แห่ง ยังขาดการกำจัดการขยะมูลฝอยที่เป็นระบบครบวงจร ซึ่งปัญหาที่ทำให้สถานที่กำจัดขยะมูลฝอยไม่ครบวงจร เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านงบประมาณ ด้านสมรรถนะองค์กร และด้านสถานที่

น.พ. ชลทิศ อุไรฤกษ์กุล ผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ 5 ราชบุรี กล่าวต่อว่า จากสภาพปัญหาขยะมูลฝอยทั่วไปหรือขยะล้นประเทศ เป็นปัญหาที่กำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดแนวทางแก้ไข ไว้ดังนี้ 1. ส่งเสริมและสนับสนุนระบบการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนแบบครบวงจรและระบบศูนย์รวมที่องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีศักยภาพสามารถดำเนินการร่วมกันได้โดยได้รับความยินยอมจากประชาชน 2. สนับสนุนและขยายผลให้ประชาชนลดปริมาณการเกิดขยะมูลฝอยจากบ้านเรือนโดยหลักการ 3Rs คือ Reuse Recycle Reduce 3. จัดทำระบบการเรียกคืนซากของเสียอันตรายจากผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้ว 4. ให้องค์ความรู้และปลูกจิตสำนึกการมีส่วนร่วมในการจัดการขยะมูลฝอย ณ แหล่งกำเนิดทุกภาคส่วน 5. จัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการจัดให้มีระบบหรือสถานที่กำจัด ขยะ 6. เร่งรัดการออกกฎกระทรวงภายใต้พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 กำหนดอัตราค่าธรรมเนียม การให้บริการกำจัดมูลฝอย เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนำไปออกข้อบัญญัติท้องถิ่นในการจัดเก็บ ค่าธรรมเนียมเพื่อให้มีรายได้ที่เพียงพอในการเดินระบบและบำรุงรักษาระบบอย่างต่อเนื่อง 7. สร้างความรู้ความเข้าใจของประชาชนเกี่ยวกับปัญหาและความจำเป็นในการดำเนินการจัดให้มีระบบหรือ สถานที่กำจัดขยะมูลฝอย มูลฝอยติดเชื้อ และของเสียอันตรายชุมชนในพื้นที่เพื่อลดการต่อต้าน โดยให้ ประชาชนในพื้นที่ที่จะเป็นสถานที่จัดสร้างระบบฯ เข้ามามีส่วนร่วมและมีผลตอบแทนตามความเหมาะสม ค่ะนี่ก็ถือได้ว่าเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์และดีมากเลยที่เดียวค่ะ
จารุณี กฐินหอม สถานีวิทยุเอฟเอ็มเพื่อสุขภาพ 103MHz นักข่าวสุขภาวะภาคกลาง รายงาน