เสียงจากประชาชนชาวอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย เพื่อทำประชาคม เข้มข้น มีทั้งฝ่ายเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยที่จะกำหนดทิศทางเชียงของเป็น “หนึ่งเมือง สองแบบ” ระดมสมองเครียดพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง
เมื่อเวลา 09.00 น. ของวันที่ 17 พฤษภาคม 2559 ณ.ห้องแม่น้ำโขง โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเชียงของ ได้มีการประชุมประชาคมเตรียมความพร้อม “หนึ่งเมือง สองแบบ” ครั้งที่ 2 ขึ้นในหัวข้อ “สติกับการเปลี่ยนแปลงของคนเชียงของ หนึ่งเมือง สองแบบ ถึงเขตเศรษฐกิจพิเศษของประชาชนท้องถิ่น” ซึ่งมีประชาชนชาวอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน มาระดมความคิดเห็นจัดการเสวนา ประชาคม ภาครัฐนำโดย นายวัชรินทร์ นิ่มประทุม นายอำเภอเชียงของ เป็นประธาน ในพิธีเปิดการเสวนามีการบรรยาย โดยท่าน พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว.วชิรเมธี) ประธานมูลนิธิ มุตตยาลัย พระครูสุจิณ วรคุณ ผอ.โรงเรียนโสภณจริยธรรมวิทยา นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ ภาคเอกชนมี นายพัฒนา สิทธิสมบัติ ประธานคณะกรรมการเพื่อพัฒนาโครงการสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ (คสศ.) หอการค้า 10 จังหวัดภาคเหนือ นายอมร กิตติกวางทอง วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย นายสงวน ซ้อนกลิ่นสกุล ตัวแทนหอการค้าอำเภอเชียงของ ดำเนินรายการโดย นายนาวิน โสภาภูมิ นักวิชาการอิสระฯ
ในการเสวนาภาพรวมจะเน้นในการกำหนดทิศทางเชียงของ “หนึ่งเมืองสองแบบ” จะต้องยกระดับศาสนา วัฒนธรรม ควบคู่กับการพัฒนา คนในท้องถิ่นมีบทบาทในการบริหารจัดการเขตเศรษฐกิจพิเศษสร้างการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่เท่าทันกัน วางยุทธศาสตร์ให้ประเทศไทยและประเทศลาวทำงานร่วมกัน รับผลประโยชน์ร่วมกัน พัฒนา Marketing share สร้างแรงจูงใจในการใช้ประโยชน์จากเขตเศรษฐกิจพิเศษ พัฒนาสินค้าเกษตรสู่ระบบ GMP ประชาชนและท้องถิ่นทุกที่ต้องมียุทธศาสตร์ของตนเอง พัฒนาให้เป็นท้องถิ่นสากล ต้องเปิดจุดผ่อนปรนเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับชุมชน พัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นให้เกิดการค้าขายระหว่างชุมชนกับชุมชน เพราะที่ผ่านมาเรือสินค้ายังไม่ผ่าน อ.เชียงของ แต่หลังจากมีการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงเชื่อมกับ สปป.ลาว แล้วพบว่าเกิดการขนส่งสินค้า และเปลี่ยนแปลงในพื้นที่อย่างมาก ดังนั้น หากมีการเปิดการเดินเรือและมีเรือบรรทุกสินค้าลำใหญ่ผ่านเข้ามาอีกก็ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงแน่นอน เช่นสิ่งแวดล้อม วิถีชีวิต ฯลฯ


พระมหาวุฒิชัย กล่าวว่า ชาวเชียงของอยู่ในช่วงรอยต่อหลายเรื่อง ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ฉะนั้นเป็นเรื่องควรคิดว่าจะรับมืออย่างไร เพื่อให้เรามีส่วนร่วมต่อการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอย่างมีศักดิ์ศรีโดยไม่ได้ตกเป็นทาสของใคร โดยมีการเจรจา และรู้เท่าทัน ไม่เป็นลักษณะการโยนสิ่งใดเข้ามาให้แล้วเราต้องรับหมด เพราะของเก่าของบ้านเมืองหลายสิ่งก็ควรอนุรักษ์เอาไว้
พระครูสุจิณวรคุณ กล่าวว่า ในปัจจุบันมีกระแสการพัฒนาหลากหลายเข้าไปยังพื้นที่ อ.เชียงของ ทำให้ชาวเชียงของจำเป็นต้องมีสติที่ดีเพื่ออนุรักษ์ไว้ซึ่งจิตวิญญาณของพื้นที่ และหากปล่อยให้มีการพัฒนาไปโดยไม่มีสติก็จะเปลี่ยนแปลงทีมีผลกระทบอย่างรุนแรงในอีกไม่เกิน 3 ปี แน่นอน. สุนี บุญอนันต์ นักข่าวสุขภาวะ จ.เชียงราย รายงาน