จ.อุบลฯเร่งกำจัดโรคพิษสุนัขบ้า

จังหวัดอุบลราชธานี เร่งกำจัดโรคพิษสุนัขบ้า ในทุกพื้นที่ หลังพบว่า อุบลราชธานี เป็น1ใน10 จังหวัด พื้นที่เสี่ยง ถือเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อน มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 6 ปี 2556 (มติ 2) เป้าหมายในการป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดต่อของประเทศไทย .....

นายวีระ ร่มโพธิ์ภักดิ์ ปศุสัตว์จังหวัดอุบลราชธานี เปิดเผยว่า กรมปศุสัตว์ มีนโยบายเร่งรัดกำจัดโรคพิษสุนัขบ้าในทุกพื้นที่ ที่พบโรคในประเทศไทย ภายใต้รูปแบบการดำเนินงานเชิงบูรณาการ โดยพบข้อมูลจากฐานข้อมูล Thai Rabies net พบว่า สถานการณ์โรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์ ปี 2558 พบโรค จำนวน 330 ตัวอย่าง และข้อมูล ปี 2559 ณ วันที่ 1 เม.ย.2559 พบโรค 129 ตัวอย่าง มีรายงานผู้เสียชีวิต จำนวน 2ราย ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ และสงขลา ในส่วนจังหวัดอุบลราชธานี พบเชื้อในสัตว์ จำนวน 20 ตัวอย่าง แบ่งเป็นสุนัข 15 ตัวอย่าง แมว 1 ตัว และโค 4 ตัวอย่าง แต่ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต ทางสำนักควบคุม ป้องกัน และบำบัดโรคสัตว์ จึงได้จัดทำโครงการบูรณาการเร่งรัดกำจัดโรคพิษสุนัขบ้าในพื้นที่เสี่ยง 10 จังหวัด ซึ่งมีจังหวัดอุบลราชธานีรวมอยู่ด้วย โดยเน้นกิจกรรมหลักประกอบด้วยการผ่าตัดทำหมันในสุนัขและแมว โดยเน้นสัตว์ที่ไม่มีเจ้าของ หรือ สัตว์กลุ่มเสี่ยงในพื้นที่จุดเกิดโรค การฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า การประชาสัมพันธ์ การสำรวจ และขึ้นทะเบียนสุนัขและแมว ทั้งนี้ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดอุบลราชธานี มีเป้าหมายในการผ่าตัดทำหมันสุนัขและแมว และรณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า จำนวน 800 ตัว ในพื้นที่เสี่ยง ที่พบเชื้อใน 14 อำเภอ15 แห่ง เพื่อควบคุมจำนวนสัตว์พาหะหลัก ที่นำโรคพิษสุนัขบ้า และลดปัญหาการเพิ่มจำนวนสุนัขและแมวในที่สาธารณะ และยังส่งเสริมประชาชนให้เลี้ยงสุนัขและแมวอย่างรับผิดชอบ มีความรู้ ความเข้าใจ ในการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งจะลดความเสี่ยงของประชาชนจากการสัมผัสเชื้อจากสัตว์เลี้ยงทำให้ไม่มีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้อีกต่อไป

โรคพิษสุนัขบ้า เกิดขึ้นได้กับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ทุกชนิด เช่น สุนัข แมว กระรอก และโค กระบือ เป็นต้น เกิดได้ทุกฤดูกาล แต่ส่วนใหญ่จะพบมากในช่วงฤดูร้อน เนื่องจากอากาศร้อนทำให้สัตว์เกิดอาการเครียด เมื่อได้รับเชื้อจะมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป จากสัตว์ที่เชื่อง จะดุร้าย กระวนกระวาย หรือบางตัวจะมีอาการซึม เดินไม่ตรงทาง เปะปะ แสดงอาการกระหายน้ำจัด และตายในที่สุด สำหรับอาการของคนที่ได้รับเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า ส่วนใหญ่มีอาการของสมองอักเสบ และไขสันหลังอักเสบ โดยอาการเริ่มแรกของผู้ป่วยจะมีไข้ต่ำๆ เจ็บคอ เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ต่อมามีอาการคัน มักเริ่มจากบริเวณแผลที่ถูกกัด แสบๆ ร้อนๆ แล้วลามไปส่วนอื่น บางคนคันมากเกาจนกลายเป็นแผลอักเสบ มีน้ำเหลือง ต่อมาจะกระสับกระส่าย กลัวแสงกลัวลม ไม่ชอบเสียงดัง เพ้อเจ้อ หลุกหลิก กระวนกระวาย หนาวสั่น ตามักเบิกโพลงบ่อยๆ บางครั้งเข้าใจผิดคิดว่าเป็นโรคทางจิต มีอาการกลืนลำบากโดยเฉพาะอย่างยิ่งของเหลว จะเกิดอาการปวดเกร็งทำให้ไม่อยากดื่มน้ำมีอาการกลัวน้ำ จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า โรคกลัวน้ำ บางรายอาจปวดท้องน้อยและขา คนไข้เพศชายบางรายมีน้ำอสุจิไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว กล้ามเนื้อกระตุก หายใจไม่ออกหรืออาจชักเกร็ง อัมพาต หมดสติและตายในที่สุด สำรับข้อแนะนำเมื่อถูกสุนัขกัด ข่วน หรือเลียตามบาดแผล ให้รีบปฏิบัติ ดังนี้ 1. รีบล้างแผลให้เร็วที่สุดด้วยสบู่และน้ำสะอาดหลายๆ ครั้ง ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการติดเชื้อ เพราะจะทำให้เชื้อโรคต่างๆ ที่บริเวณนั้นหลุดออกจากแผลไปตามน้ำ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า หรือเชื้อโรคอื่นๆ แล้วเช็ดแผลให้แห้ง ใส่ยาฆ่าเชื้อ อาจใช้แอลกอฮอล์ 70% หรือทิงเจอร์ไอโอดีน หรือยาฆ่าเชื้ออื่นๆ 2.ต้องจดจำลักษณะและสังเกตอาการสัตว์ที่กัด รวมทั้งติดตามสืบหาเจ้าของเพื่อซักถามประวัติการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษ สุนัขบ้า ที่มาของสัตว์ และสังเกตอาการสัตว์ที่กัด 10วัน 3.ไปพบแพทย์เพื่อรับการป้องกันรักษาที่ถูกต้อง ถ้ามีความเสี่ยงต่อโรคพิษสุนัขบ้า แพทย์จะฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าให้ ซึ่งปัจจุบันการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในคน ไม่ต้องฉีดรอบสะดือทุกวันเหมือนแต่ก่อนแล้ว ฉีดเพียง 4-5 เข็ม เท่านั้น และสามารถฉีดได้ทั้งในเด็กและสตรีมีครรภ์ .... พบกันใหม่ครั้งหน้า นิชรา บุญตะนัย ผู้สื่อข่าวสุขภาวะภาคอีสาน สานใจสานพลัง รายงาน จาก จ.อุบลราชธานี ค่ะ