กสทช. ซักซ้อมแผนภัยพิบัติกรณีโครงข่ายโทรคมนาคมได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติที่เชียงราย นำร่องภาคเหนือ
สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย ในการซักซ้อมภัยพิบัติกรณีโครงข่ายโทรคมนาคมได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติ โดยนำร่องที่ภาคเหนือ และต่อที่ภาคใต้
เมื่อเวลา 09.00 น. ของวันที่ 22 มกราคม 2559 ที่ห้องดอยตอง โรงแรมดุสิต ไอส์แลนด์ รีสอร์ทเชียงราย จังหวัดเชียงราย นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมซักซ้อมแผนภัยพิบัติกรณีโครงข่ายโทรคมนาคมได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติ โดยมี นายประจญ ปรัชญ์สกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมตัวแทนหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมซักซ้อมโดยการประชุมดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเมื่อวันที่ 5 พ.ค.2557 เกิดเหตุแผ่นดินไหววัดความแรงตามมาตราริคเตอร์ได้ 6.3 แม็กนิจูด พื้นที่ อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย ทำให้เกิดความเสียหายอย่างหนัก ทาง กสทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงนำมาเป็นข้อมูลเพื่อดำเนินการโดยเฉพาะด้านการคมนาคมที่มีความสำคัญ
โดย นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวกับผู้สื่อสุขภาวะเชียงรายว่า กรณีโครงข่ายโทรคมนาคมได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก เพราะเมื่อเกิดเหตุแล้วจะมีแต่ความโกลาหล ทั้งผู้ที่ประสบเหตุและผู้ที่เกี่ยวข้องก็จะโหมใช้บริการกันอย่างหนักขณะที่อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับโครงข่าย เช่น เสาโทรศัพท์ สายส่ง ฯลฯ อาจเกิดความเสียหาย ณ จุดใดจุดหนึ่งหรือหลายจุด ทำให้อาจเกิดความโกลาหลโดยเฉพาะต่อผู้ที่จะต้องเข้าไปแก้ไขปัญหา ดังนั้นทาง กสทช. จึงได้มีแผนดำเนินการ 2 ส่วนคือ 1.ต้องทำให้ระบบโครงข่ายโทรคมนาคมกลับมาใช้งานได้ให้เร็วที่สุดหรืออย่างน้อยภายใน 24 ชม.เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องและประชาชนในพื้นที่ ที่ต่างใช้การสื่อสารโดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือกันอย่างเนืองแน่นในช่วงนั้นสามารถใช้การได้เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหา และ 2.ปรับจราจรการคมนาคมที่เป็นงานหลักให้ใช้งานได้เป็นปกติโดยร่วมกับรัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน ฯลฯ โดยเฉพาะหน่วยงานสั่งการเพื่อการแก้ไขปัญหาซึ่งออกแบบให้ผู้ว่าราชการจังหวัด มีอำนาจหน้าที่โดยตรง

นายก่อกิจฯ ยังได้กล่าวอีกว่า เครื่องมือสื่อสารของผู้ว่าราชการจังหวัด จะต้องใช้ได้ก่อนจากนั้นทีมงานหรือส่วนราชการที่เกี่ยวข้องต้องใช้ด้วยเนื่องจากต้องประสานงานกับฝ่ายต่างๆ ทั้งส่วนกลางและพื้นที่เพื่อบรรเทาทุกข์ให้ประชาชนในพื้นที่ที่เกิดเหตุและแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ มีการประสานใช้ระบบโทรศัพท์สอบถามหรือ Call center ให้สามารถใช้สอบถามข้อมูลในช่วงนั้นๆ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพราะเอกชนก็มีบริการนี้กันอยู่แล้ว ทั้งนี้มีกรณีตัวอย่างเหตุไฟไหม้ที่ จ.แม่ฮ่องสอน เมื่อเร็วๆ นี้ซึ่งได้หันไปในระบบดาวเทียมในการแก้ไขปัญหาด้านการสั่งการจนสามารถแก้ไขปัญหาได้โดยใช้เวลาประมาณ 30 ชั่วโมง ซึ่งการดำเนินการจะเริ่มที่ จังหวัดเชียงรายก่อน โดยนำแผนไปนำเสนอและสอบถามความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องเมื่อแล้วเสร็จที่ภาคเหนือแล้วจะลงไปดำเนินการที่ภาคใต้ตามลำดับต่อไป
ทางด้านนายประจญ ปรัชญ์สกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า จากเหตุการณ์ภัยพิบัติที่ผ่านมาโดยเฉพาะแผ่นดินไหวได้ทำให้เกิดประสบการณ์ขึ้นมาว่าเมื่อเหตุเกิดขึ้นจริงๆ แล้วเราจะมีระบบสั่งการตรง ที่มีประสิทธิภาพได้อย่างไร โดยกรณีแผ่นดินไหวที่ผ่านมากว่าจะประสานกับส่วนกลางและเรียกข้อมูลจากหน่วยงานในพื้นที่ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องพบว่าประสบปัญหามาก ดังนั้นทางจังหวัดก็จะรอแผนการจัดวางระบบดังกล่าวเพื่อนำไปใช้ให้มีประสิทธิภาพในอนาคตต่อไป โดยเฉพาะด้านโครงข่ายคมนาคมที่เป็นหัวใจสำคัญอีกประการหนึ่งของการได้มาซึ่งข้อมูลและการประสานงานเพื่อแก้ไขปัญหาให้ประชาชนในพื้นที่เดิอดร้อนได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพต่อไป.
สุนี บุญอนันต์ นักข่าวสุขภาวะ จ.เชียงราย รายงาน