สวัสดีครับท่านผู้ฟังที่เคารพ พบกันอีกครั้งกับผมรพินทร์ ยืนยาว ผู้สื่อข่าวสุขภาวะภาคอีสานอุบลราชธานี วันนี้จะพาท่านผู้ฟังไปพบบรรยากาศของการยื่นหนังสือของชาวบ้านในการ ขอชะลอกฎหมาย พรบ.ความปลอดภัยทางชีวภาพ หรือ พรบ. GMO แก่นายกรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2558 ที่หน้าศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี เครือข่ายเกษตรกรอินทรีย์ และเครือข่ายภาคประชาสังคม จังหวัดอุบลราชธานี จำนวนกว่า 15 องค์กร เดินทางเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อยื่นหนังสือชะลอการพิจารณากฎหมาย พ.ร.บ. ความปลอดภัยทางชีวภาพ นายแดง หาทวี หนึ่งในเครือข่ายเกษตรกรเกษตรอินทรีย์จังหวัดอุบลราชธานี กลุ่มอนุรักษ์และพัฒนาพันธุ์ข้าวพื้นบ้าน อำเภอสว่างวีระวงศ์ จังหวัดอุบลราชธานี ได้พูดถึง การออกมาเคลื่อนไหวในครั้งนี้ ซึ่งเป็นการมายื่นข้อเสนอถึงรัฐบาล ถึงนายกรัฐมนตรี โดยยื่นผ่านนายสมศักดิ์ จังตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ส่งถึงนายกรัฐมนตรี ในความประสงค์อยู่ 3 ข้อ ได้แก่ ข้อ 1. ชะลอกระบวนการร่างกฎหมาย ภายใต้ พ.ร.บ.ความปลอดภัยทางชีวภาพ โดยไม่ต้องนำเข้าไปพิจารณาในกระบวนการของ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ข้อ 2. แต่งตั้งคณะกรรมการร่างกฎหมายที่มีองค์ประกอบของกลุ่ม องค์กรต่างๆ อย่างมีส่วนร่วม และเป็นกลุ่มผู้มีส่วนที่จะได้รับผลกระทบเข้าร่วมเป็นกรรมการเพื่อปรับปรุงกฎหมาย เช่น กลุ่ม/องค์กรเกษตรกร กลุ่มเกษตรอินทรีย์ กลุ่ม/องค์กรผู้บริโภค ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ โดยพิจารณาร่างกฎหมาย ภายใต้หลักการป้องกันไว้ก่อน (Precaution Principle) การป้องกันผลกระทบทางเศรษฐกิจสังคม การชดเชย และเยียวยาความเสียหายตามหลักผู้ก่อมลภาวะเป็นผู้จ่าย (Polluter Pay Principle) การป้องกันปัญหาการปนเปื้อนซึ่งจะกระทบต่อการทำเกษตรกรรมอินทรีย์ และทรัพยากรชีวภาพของชาติโดยภาพรวม และ ข้อ 3. เมื่อปรับปรุงกฎหมาย ร่าง พ.ร.บ.ความปลอดภัยทางชีวภาพ แล้ว ให้นำร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวไปจัดรับฟังความคิดเห็นของเกษตรกรรายย่อย ภาคประชาสังคม นักวิชาการอิสระและภาคธุรกิจที่อาจได้รับผลกระทบอีกครั้งหนึ่ง
ขณะเดียวกัน นางสาวคนึงนุช วงศ์เย็น เครือข่ายเกษตรกรอินทรีย์ อำเภอตาลสุม จังหวัดอุบลราชธานี พูดถึง การออกมาเคลื่อนไหวครั้งนี้ว่า มีการนัดหมายรวมตัวกันหน้าทำเนียบรัฐบาลและศาลากลางจังหวัดต่างๆถึง 40 จังหวัดทั่วประเทศ และในภาคอีสาน มีการเคลื่อนไหว 7 จังหวัด เพื่อให้รัฐบาลหยุด และชะลอการนำกฎหมายความปลอดภัยทางชีวภาพ เข้าสู่การพิจารณาในระเบียบวาระการประชุม ของ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. เพื่อให้มีการการเปิดโอกาสให้ภาคประชาชน เกษตรกรรายย่อย ผู้ประกอบการ ผู้บริโภค นักวิชาการเข้ามามีส่วนร่วมในการร่างกฎหมาย เพื่อให้เกิดความรัดกุม โดยคำนึงถึงหลักการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม
ทั้งนี้ ทางออกที่เหมาะสม ที่รัฐบาลดำเนินการได้ทันที โดยไม่มีความเสี่ยง คือการส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ ซึ่งมีแนวโน้มทั่วโลกกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค ขณะที่ GMO ส่งผลกระทบหลายอย่าง ทั้งด้านสุขภาพ สิ่งแวดล้อม การปนเปื้อนจากการจัดการแปลงที่ไม่ได้มาตรฐาน รวมทั้งกรรมสิทธิ์ของเมล็ดพันธุ์ที่จะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรรายย่อยมากขึ้น
ด้านจังหวัดอุบลราชธานี ได้มอบหมายให้นายเจษฎา ปานะทึก หัวหน้ากลุ่มงานฝ่ายอำนวยการ สำนักงานจังหวัดอุบลราชธานี เป็นตัวแทนรับหนังสือแทนผู้ว่าราชการจังหวัดฯ โดยนายเจษฎา กล่าวว่า จะมอบหนังสือให้ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีดำเนินการต่อไป
นายรพินทร์ ยืนยาว /ข่าว