สมัชชาสุขภาพอุบลฯเตรียมขับเคลื่อนเครื่องมือประเมินผลกระทบด้านสุขภาพของชุมชน หรือ CHIA
รายงานข่าวสุขภาวะ_สานใจสานพลัง กับรพินทร์ ยืนยาว รายงานข่าวสุขภาวะภาคอีสาน อุบลราชธานี
สวัสดีครับท่านผู้ฟังที่เคารพ พบกันอีกครั้งกับผมรพินทร์ ยืนยาว ผู้สื่อข่าวสุขภาวะภาคอีสานอุบลราชธานี วันนี้จะพาท่านผู้ฟังไปพบบรรยากาศของการเตรียมขับเคลื่อนเครื่องมือประเมินผลกระทบด้านสุขภาพของชุมชน หรือ CHIA ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี
เมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา นางสาวจงกลนี ศิริรัตน์ ผู้ประสานงานสมัชชาสุขภาพจังหวัดอุบลราชธานี ได้ปรึกษาหารือเครือข่ายสมัชชาสุขภาพจังหวัดอุบลราชธานีในการนำกระบวนการประเมินผลกระทบด้านสุขภาพของชุมชนหรือ CHIA มาใช้ในพื้นที่ อุบลราชธานี โดยมีทีมในพื้นที่ประเด็นปัญหา จากอำเภอพิบูลมังสาหาร พื้นที่ตำบลคูเมือง จากหน่วยงานภาครัฐ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี ศูนย์อนามัยที่ ๗ อุบลราชธานี และทีมนักวิชาการ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี มาพูดคุยวางแผนเตรียมความพร้อมในการขับเคลื่อนกระบวนการประเมินผลกระทบด้านสุขภาพ หรือ CHIA
ทั้งนี้ นางสาวจงกลนี ศิริรัตน์ กล่าวเกริ่นนำถึงกระบวนการประเมินผลกระทบด้านสุขภาพว่า เป็นกระบวนการได้มาตาม พรบ.สุขภาพแห่งชาติ ปี 2550 มุ่งหวังเพื่อให้ชุมชนรู้จักตนเอง และนำกระบวนการ CHIA ให้เป็นพลังของชุมชนโดยการทำข้อมูลให้ชุมชนหวงแหนชุนชนของตนเองมากขึ้น ขณะที่ภาคอิสาน แต่ละจังหวัดจะได้รับผลกระทบ จากการย้ายโรงงานต่างๆเข้ามาสู่ภาคอิสานมากขึ้น เช่น โรงไฟฟ้าชีวมวล โรงงานขยะ โรงงานแปรรูปยางพารา เป็นต้น ตอนนี้จะมีคลื่นใต้น้ำขึ้นมาเยอะ ชาวบ้านไม่รู้ผลกระทบเท่าที่ควร เมื่อพอรู้ก็โรงงานสร้างเสร็จแล้ว คิดจะแก้ไขก็มีความลำบาก ทั้งหลายทั้งมวลชุมชนจะรับมือผลกระทบที่จะเกิดขึ้นได้อย่างไร เครื่องมือประเมินผลกระทบด้านสุขภาพจะเป็นอีกเครื่องมือหนึ่งที่จะช่วยชุมชนได้อีกแรง โดยมีพลังของข้อมูลเข้ามาช่วยในการขับเคลื่อน
ตอนนี้จังหวัดอุบลราชธานีก็มีการประเด็นปัญหา คือ เรื่องขยะ พื้นที่ตำบลคูเมือง และเรื่องน้ำเน่าเสีย จากผลกระทบโรงงานเอทานอล อำเภอสว่างวีระวงศ์ และอำเภอพิบูลมังสาหาร การดำเนินงานเพียงเฉพาะภาคประชาสังคมเพียงฝ่ายเดียวคงเป็นไปไม่ได้ ก็ต้องอาศัยหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และฝ่ายนักวิชาการเข้าร่วมให้ความร่วมมือกัน เพื่อให้เกิดกระบวนการให้ชาวบ้านและทุกคนเข้ามาเป็นเจ้าของร่วม ร่วมคิด ร่วมทำ เราเป็นผู้เอื้ออำนวยซึ่งกันและกัน
การประชุมก็มีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น ทางนักวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลฯ เสนอในเรื่องการขับเคลื่อนเรื่อง ผลกระทบจากสารเคมีเกษตร เสนอให้มีการประเมินผลกระทบเรื่องสารเคมีทางการเกษตร ทางศูนย์อนามัยที่ ๗ เสนอเรื่องโรงโม่งหินที่อำเภอน้ำยืน ที่มีฝุ่นคลุ้ง ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียง ส่วนสำนักงานสาธารณสุขเสนอให้มีการประเมินผลกระทบด้านสุขภาพเรื่องขยะและสิ่งปฏิกูล ซึ่งประเด็นนี้ทางสมัชชาสุขภาพจังหวัดอุบลราชธานีได้เสนอเป็นมติของสมัชชาสุขภาพจังหวัดอุบลราชธานีในปี ๕๖ที่ผ่านมา โดยเฉพาะพื้นที่โรงกำจัดขยะของเทศบาลเมืองวารินชำราบที่มีชาวบ้านเข้าไปเก็บขยะขายซึ่งเสี่ยงต่อการได้รับเชื้อโรคอย่างยิ่งและอีกอย่างสิ่งปฏิกูลในจังหวัดอุบลฯมีการเตรียมพื้นที่ทิ้งสิ่งปฏิกูลที่ถูกสุขลักษณะหลายจุด แต่มีการลักลอบทิ้งไม่ถูกที่ โดยทางรถบริการรับทิ้งสิ่งปฏิกูลไปทิ้งในที่ไม่เหมาะสม ส่งผลต่อการใช้น้ำในพื้นที่ใกล้เคียง โดยเฉพาะแม่น้ำมูลซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญเป็นแหล่งน้ำดิบในการผลิตน้ำประปาใช้กันทั้งเมือง
ในที่สุดการพูดคุยก็ได้มีการสรุปประเด็นหัวข้อที่จะเสนอ ดังนี้ ๑.ประเด็น การจัดการขยะอันตรายของตำบลโพนงาม ๒.ประเด็น การจัดการขยะของกองขยะเทศบาลวารินชำราบ ๓.ประเด็น สิ่งปฏิกูล เช่น อำเภอพิบูลฯมีที่ทิ้งขยะแต่ไม่มีคนนำไปทิ้ง ๔.ประเด็น การเฝ้าระวังน้ำเสีย อากาศเสีย ของโรงงานไบโอเอทานอล และ ๕.ประเด็น การจัดการขยะรีไซเคิลของบ้านก๊อก
ทั้งนี้จะมีการพูดคุยกันอีกครั้งและเสนอประเด็นหัวข้อต่อคณะทำงานประเมินผลกระทบด้านสุขภาพระดับภาคในเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้การประเมินผลกระทบด้านสุขภาพหรือ CHIA ที่จังหวัดขอนแก่นอีกครั้ง
พบกันใหม่ สัปดาห์หน้า กับรพินทร์ ยืนยาว ผู้สื่อข่าวสุขภาวะภาคอีสาน สานใจ สานพลัง สวัสดีครับ
รพินทร์ ยืนยาว/ข่าว