สถานการณ์โรคไข้เลือดออก จ.อุบลฯ

นพ.ศรายุธ อุตตมางคพงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จังหวัดอุบลราชธานี (สคร.7) แจ้งเตือนประชาชนให้ระวังโรคไข้เลือดออก เนื่องจากช่วงนี้เข้าสู่ฤดูฝน ฝนที่ตกเป็นช่วงๆ ถือเป็นการเติมน้ำในภาชนะ ที่อาจมีไข่ยุงลายสะสมอยู่ตามขอบภาชนะจำนวนมาก ประกอบกับสภาพที่อาจมีภาวะภัยแล้ง ทำให้ประชาชนเกิดพฤติกรรมการกักเก็บน้ำในภาชนะ ก็ยิ่งทำให้มีแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายเพิ่มขึ้น โดยนิสัยของยุงลายเป็นยุงสะอาด ไข่ในน้ำนิ่งใส แต่ไม่ได้ไข่ในน้ำโดยตรง แต่จะไข่เหนือระดับน้ำ 1-2 เซนติเมตร เมื่อมีน้ำมาเติมท่วม จึงจะแตกตัวเป็นไข่ เป็นลูกน้ำ และเป็นยุงลายตัวเต็มวัย ใช้เวลา 7-10 วัน ดังนั้นประชาชนและหน่วยงานในท้องถิ่นจึงต้องร่วมมือกันทำลายแหล่ง เพาะพันธุ์ยุงลาย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดของโรคไข้เลือดออก
ด้านนายแพทย์สุรพร ลอยหา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี เปิดเผยข้อมูลผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก จากการเฝ้าระวังโรคจังหวัดอุบลราชธานี ปี 2558 ข้อมูล ณ วันที่ 6 กรกฏาคม 2558 จ.อุบลราชธานี พบผู้ป่วยแล้ว จำนวน 843 ราย ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต พบผู้ป่วยมากที่สุดที่ อำเภอบุณฑริก คิดเป็นอัตราป่วย 135.4 ต่อแสนประชากร รองลงมาคืออำเภอ เดชอุดม อัตราป่วย 101.95 ต่อแสนประชากร และอำเภอตาลสุม 92.15 ต่อแสนประชากร และมีแนวโน้มว่าจะมีจำนวนผู้ป่วยสูงขึ้น หากไม่มีการป้องกันและควบคุมโรคที่ดี โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี ได้เตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาล การส่งต่อผู้ป่วย และการป้องกันควบคุมโรค โดยการอบรมฟื้นฟูวิชาการแก่แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทุกระดับ และขอความร่วมมือทุกภาคส่วนในการป้องกันควบคุมโรคไข้เลือดออก โดยให้ทุกหลังคาเรือน โรงเรียน วัด ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และหน่วยงานราชการ ในการสำรวจกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายในทุกบ่ายวันศุกร์ ติดต่อกันทุกสัปดาห์ตลอดทั้งปี 2558 โดยใช้มาตรการ 5 ป และ 1 ข ได้แก่ 1.ป ปิดฝาภาชนะกักเก็บน้ำทุกชนิด 2.ป เปลี่ยนน้ำทุกๆ 7 วัน 3.ป ปล่อยปลากินลูกน้ำในภาชนะกักเก็บน้ำ 4.ป ปรับปรุงสิ่งแวดล้อมไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง และ 5.ป ปฏิบัติเป็นประจำให้เป็นนิสัย ส่วน 1ข คือ ขัดภาชนะที่อาจมีคราบไข่ยุงเกาะอยู่ รวมถึงการให้ความรู้แก่ประชาชนในการป้องกันไม่ให้ยุงกัดด้วยการนอนในมุ้งและทายากันยุง และการค้นหาผู้ป่วยโดยเร็ว เพราะหากผู้ป่วยเป็นไข้เลือดออกและได้รับการรักษาแต่เนิ่นๆ อย่างถูกต้อง จะลดจำนวนผู้ป่วยและลดการเสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออกได้ ทั้งนี้ อาการของโรคไข้เลือดออก สังเกตุได้จากการ มีไข้สูงเฉียบพลัน ปวดศีรษะ ปวดกระบอกตา ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร หน้าแดง อาจพบจุดเลือดที่ผิวหนัง มักจะไม่ไอ ไม่มีน้ำมูกเหมือนไข้หวัด เว้นแต่จะเป็นไข้ทั้งสองชนิดในเวลาเดียวกัน โดยหลังจากไปพบแพทย์และแพทย์ให้กลับมาดูแลที่บ้าน ให้เช็ดตัวลดไข้ หรือกินยาพาราเซตามอลลดไข้ ห้ามซื้อยาประเภทแอสไพริน มากินเองอย่างเด็ดขาด เนื่องจากอาจทำให้เลือดออกในอวัยวะภายในได้ง่ายขึ้น ให้ผู้ป่วยกินอาหารที่ทำให้ร่างกายสดชื่น เช่น น้ำเกลือแร่ น้ำผลไม้ และให้พักผ่อนมากๆ ช่วงที่ต้องให้ความใส่ใจผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด คือช่วงที่ไข้ลด ซึ่งมักจะอยู่ในวันที่ 3-4 หากพบผู้ป่วยซึมลง กินอาหารไม่ได้ แสดงว่าผู้ป่วยอาจเข้าสู่ภาวะช็อก ต้องรีบพาไปโรงพยาบาลทันที ค่ะ ...ไข้เลือดออกป้องกันได้ ด้วยการไม่ให้ยุงลายกัด และช่วยกันกำจัดแหล่งเพราะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย นะคะ .... นิชรา บุญตะนัย ผู้สื่อข่าวสุขภาวะ ภาคอีสาน สานใจสานพลัง รายงานจาก จ.อุบลราชธานี ค่ะ