15 มิ.ย. 58 วันไข้เลือดออกอาเซียน สคร.6 ขอนแก่น ร่วมกับเทศบาลนครขอนแก่นและผู้นำชุมชน จัดกิจกรรมรณรงค์ “เก็บให้เกลี้ยง ไม่เลี้ยงยุงลาย” เชิญชวนประชาชนหันมาจัดการสิ่งแวดล้อม เพื่อกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ต้นเหตุของโรคไข้เลือดออก จากรายงานพยากรณ์โรคปี 2558 ชี้สถานการณ์โรคไข้เลือดออกมีความรุนแรงมากกว่าปีที่ผ่านมา
โรคไข้เลือดออกเป็นปัญหาสาธารณสุขสำคัญของประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และในปี ค.ศ 2011 หรือ พ.ศ. 2554 เป็นปีแรกที่ 10 ประเทศในอาเซียน มีมติร่วมกันกำหนดให้ วันที่ 15 มิถุนายน ของทุกปี เป็นวันไข้เลือดออกอาเซียน ASEAN Dengue Day เพื่อร่วมกันรณรงค์และสร้างความตระหนัก โดยหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนค้นหานวัตกรรม หามาตรการต่อสู้กับโรคไข้เลือดออก สำหรับการรณรงค์ในประเทศไทย ในปีนี้ได้มี 8 หน่วยงานระดับกระทรวง ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในการป้องกันควบคุมโรคไข้เลือดออก เพื่อเน้นการจัดการปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก
พญ.ศศิธร ตั้งสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 จังหวัดขอนแก่น กล่าวถึงสถานการณ์โดยรวมตั้งแต่มกราคมถึงเดือนมิถุนายน 2558 พบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกมากกว่าปีที่ผ่านมาถึง 1.52 เท่า พบผู้ป่วยแล้วมากกว่า 12,000 ราย เสียชีวิต 10 ราย โดยกลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยสูงสุด คือ นักเรียนร้อยละ 44 รองลงมา ได้แก่ อาชีพรับจ้าง ร้อยละ 22 และอาชีพอื่นๆ ร้อยละ 20 ตามลำดับ จะเห็นว่าเด็กนักเรียนยังคงเป็นกลุ่มเสี่ยงกลุ่มใหญ่ของโรคนี้ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีพฤติกรรมเสี่ยง ทั้งการทำกิจกรรมในชุมนุมชน โรงเรียน หรือในร้านเกมส์ กิจกรรมเข้าค่ายต่างๆ เป็นปัจจัยส่งเสริมให้การแพร่กระจายของเชื้อเกิดได้รวดเร็วยิ่งขึ้น สำหรับกิจกรรมวันรณรงค์ไข้เลือดออกอาเซียนในวันที่ 15 มิถุนายน 2558 สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 จังหวัดขอนแก่น ร่วมกับเทศบาลนครขอนแก่นจัดกิจกรรม “รวมพลังกำจัดลูกน้ำยุงลาย” โดยดึงภาคีผู้มีส่วนร่วมทั้งชุมชน โรงเรียน และวัด เข้ามาทำกิจกรรมโดยเน้นที่การจัดการสิ่งแวดล้อม การกำจัดภาชนะเสี่ยง โดยสถานที่เป้าหมาย คือ วัด เนื่องจากในการดำเนินการสำรวจค่าดัชนีลูกน้ำยุงลายโดยทีมกีฏวิทยา กรมควบคุมโรค พบว่า กว่าร้อยละ 68.5 ของวัดที่สำรวจพบภาชนะที่มีลูกน้ำยุงลาย ได้แก่ ภาชนะน้ำใช้ในห้องน้ำ/ห้องส้วม ภาชนะที่ไม่ใช้ภายนอกอาคาร แจกันดอกไม้ อ่างบัว จานรองกระถางต้นไม้ เป็นต้น สำหรับฤดูฝนคาดการณ์ว่าจะพบจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น และจากการที่ฝนตกลงมาจะไปเพิ่มแหล่งเพาะพันธุ์ตามธรรมชาติของยุงลายโดยเฉพาะในส่วนของภาชนะที่ไม่ใช้(คาดไม่ถึง) จึงมักจะถูกละเลย และประชาชนบางส่วนยังเพิกเฉยต่อการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ โดยให้เหตุผลว่าเมื่อถึงกำหนดเวลาจะมีอาสาสมัครสาธารณสุขมาหยอดทรายกำจัดลูกน้ำ หรือเจ้าหน้าที่มาพ่นสารเคมีกำจัดยุงตัวเต็มวัยซึ่งถือเป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ
พญ.ศศิธร กล่าวต่อว่า
เนื่องในโอกาสวันไข้เลือดออกอาเซียนที่จะมาถึงนี้ ขอเชิญชวนผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้ง วัด ชุมชน โรงเรียนทุกแห่งเข้ามามีส่วนร่วมในการปรับปรุงสภาพแวดล้อมทั้งบริเวณที่อยู่อาศัยและวัด โดยใช้มาตรการ ๕ป.๑ข. โดยต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วน เพียงเท่านี้ก็สามารถควบคุมลูกน้ำยุงลายได้ หัวใจสำคัญของความสำเร็จ ไม่ได้เกิดจากการใช้เงินงบประมาณจำนวนมากในการซื้อวัสดุ สารเคมี แต่ที่สำคัญ คือ ความเข้มแข็งของชุมชน ความสำเร็จที่ยั่งยืนและใช้งบประมาณน้อยเกิดจากความร่วมมือของคนในชุมชนและต้องมีความต่อเนื่องโดยใช้ภูมิปัญญาของชุมชนเองในการแก้ปัญหา ซึ่งจะทำให้การป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออกได้ผลและมีประสิทธิภาพต่อไป