เนื่องในวันความดันโลหิตสูงโลก 2558 กระทรวงสาธารณสุข ห่วงใยคนไทยป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูงจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่ไม่รู้ตัวเองป่วย เสี่ยงหัวใจล้มเหลว ในปัจจุบันผู้คนจำนวนมากอยู่กับความดันโลหิตสูงโดยที่ไม่ทราบว่าตนเองมีภาวะนี้ เนื่องจากเป็นโรคที่ไม่ปรากฏอาการที่ชัดเจน แต่เมื่อปล่อยนานไปแรงดันเลือดจะไปทำลายผนังหลอดเลือดและอวัยวะที่สำคัญทั่วร่างกาย จากการที่ความดันโลหิตสูงจะไม่แสดงอาการ ทำให้เรียกกันว่า “เพชฌฆาตเงียบ”
พญ.ศศิธร ตั้งสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 จังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า จากความสำคัญและผลกระทบของโรคความดันโลหิตสูง ทางสมาพันธ์ความดันโลหิตสูงโลก (World Hypertension League) จึงได้มีการกำหนดวันความดันโลหิตสูงโลก เป็น วันที่ 17 พฤษภาคม ของทุกปี โดยมีเป้าหมายสื่อสารสร้างกระแสให้ประชากรทั่วโลกเพิ่มความตระหนักต่อโรคความดันโลหิตสูง ในปี 2558 นี้ทางสมาพันธ์ความดันโลหิตสูง กำหนดคำขวัญเพื่อการรณรงค์เนื่องในวันความดันโลหิตสูงโลก คือ “ท่านทราบระดับความดันโลหิตของท่านหรือไม่ Know Your Numbers” เนื่องจาก ทั่วโลกมีผู้ที่มีความดันโลหิตสูงเกือบถึงพันล้านคน ซึ่งสองในสามของจำนวนนี้อยู่ในประเทศกำลังพัฒนา โดยพบว่าคนในวัยผู้ใหญ่ในเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทยเรา มี 1 คน ใน 3 คน ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง โรคความดันโลหิตสูงเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของการตายก่อนวัยอันควรทั่วโลก จากข้อมูลการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดย
การตรวจร่างกาย น่าวิตกอย่างยิ่ง คือ ในจำนวนผู้ที่มีความดันโลหิตสูง ในผู้ชาย ร้อยละ 60 และในผู้หญิง 40 ไม่เคยได้รับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์มาก่อน นั่นหมายถึง ประชาชนเหล่านี้ไม่รู้ตัวเองว่าเป็นความดันโลหิตสูง , ร้อยละ 8 - 9 ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นความดันโลหิตสูงแต่ยังไม่ได้รับการรักษาจึงส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการทวีความรุนแรงขึ้น และนอกจากนี้ยังพบ ว่าในจำนวนผู้ที่ได้รับการรักษาแล้วมีเพียง 1 ใน 4 เท่านั้นที่สามารถควบคุมความดันโลหิตได้
พญ.ศศิธร กล่าวต่อว่า โรคความดันโลหิตสูงส่งผลกระทบรุนแรงต่อสุขภาพ ทำให้เส้นเลือดแดงแข็งตัวขึ้น ลดความเร็วการไหลเวียนเลือดและอ๊อกซิเจนไปสู่หัวใจ เป็นสาเหตุให้เกิดหัวใจล้มเหลว หลอดเลือดสมองแตก/ตีบ (Stroke) และมีแนวโน้มของการเพิ่มการเป็น โรคไตวายระยะสุดท้าย ตามมาได้ ปัจจัยเสี่ยงที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคความดันโลหิตสูง คือพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ไม่ได้สัดส่วน รับประทานอาหารที่มีรสหวาน มัน และอาหารที่มีรสเค็มปรุงด้วยเกลือ(โซเดียม) มากเกินไป ไม่รับประทานผักและผลไม้(รสหวานน้อย) ไม่ออกกำลังกาย ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก สูบบุหรี่หรือได้รับควันบุหรี่จากสิ่งแวดล้อมหรือเรียกว่าควันบุหรี่มือสอง รวมถึงปัจจัยด้าน อายุที่เพิ่มขึ้นอาจส่งผลให้ความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้นได้ เป็นสาเหตุให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว หลอดเลือดสมองแตกหรือตีบ และมีแนวโน้มเพิ่มการเป็นโรคไตวายระยะสุดท้ายได้ ดังนั้นประชาชนที่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูงควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านั้นเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง และแนะนำให้ประชาชนควรไปรับการตรวจวัดความดันโลหิตเป็นระยะอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งการวัดความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งที่สำคัญ เพื่อที่เราจะสามารถติดตามผลทำให้รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงค่าความดันโลหิตของตนเองได้นั่นเอง ตามคำขวัญวันความดันโลหิตสูงโลกปีนี้ “ท่านทราบระดับความดันโลหิตของท่านหรือไม่ Know Your Numbers”