ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นตรวจเยี่ยมสถานประกอบการตามนโยบายแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์
จังหวัดขอนแก่นดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ของจังหวัดตามประกาศวาระแห่งชาติของรัฐบาลตรวจสถานประกอบการที่ใช้แรงงานต่างด้าวตามยุทธศาสตร์การค้ามนุษย์ขอนแก่น โรงงาน บริษัท ซี เค ซูส์(ประเทศไทย) จำกัดและโรงงานทออวนเดชาพานิช
วันที่ 7 พฤษภาคม 2558 เวลา 17.00 น ณ โรงงาน บริษัท ซี เค ซูส์(ประเทศไทย) จำกัด เลขที่ 499 ถนนมะลิวัลย์ หมู่ที่ 7 ตำบลบ้านทุ่ม อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น นายกำธร ถาวรสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นร่วมตรวจสถานประกอบการตามนโยบายแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของจังหวัดขอนแก่นเพื่อให้ดำเนินการไปตามประกาศวาระแห่งชาติของรัฐบาล ตรวจสถานประกอบการที่ใช้แรงงานต่างด้าวตามยุทธศาสตร์การค้ามนุษย์ขอนแก่น นายสมพล โนดไธสง อุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น กล่าวส่า โรงงานดังกล่าวเป็นบริษัทผลิตรองท้าวส่งออกต่างประเทศ เดิมมีปัญหาขาดแคลนแรงงานปัจจุบันมีแรงงานลาว กัมพูชาและเวียดนามจำนวนมาก เป็นแรงงานจากลาว 219คนชาย 119 คน หญิง 100 คน ไม่เข้าค่ายการค้ามนุษย์ มีการดูแลเรื่องสวัสดิการเป็นไปตามกฏหมายแรงงานดูแลระบบสาธารณนูปโภคด้วย เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2558 ตรวจที่โรงงานแหอวน ห้างหุ้นส่วนจำกัด โรงงานทออวนเดชาพานิช 191 หมู่ที่ 1 ตำบลสำราญ อำเภอเมืองจังหวัดขอนแก่น เพื่อตรวจค้นหาแรงงานต่างด้าวเถื่อน สำหรับโรงอวนเดชา ต.สำราญ เป็นโรงงานแหอวนขนาดใหญ่มีคนงานทั้งสิ้นประมาณ3,000 คน ครึ่งหนึ่งเป็นแรงงานจากประเทศพม่า อีกครึ่งหนึ่งเป็นแรงงานท้องถิ่น โดยมีการแจ้งขอใบอนุญาตแรงงานต่างด้าวประมาณ 500 คนขอนแก่น มีแรงงานต่างด้าวเข้ามารับจ้างทำงาน มีการจดทะเบียนที่ถูกต้อง เข้าทำงานทุกระดับตั้งแต่งานแม่บ้าน ประมง โรงงานทว่าจากที่มีโอกาสตัวที่เลือกน้อยกว่าแรงงานไทย ทำให้แรงงานต่างด้าวทำงานไม่เลือกประเภททั้งงานหนักงานเบานั่นเอง และทำให้แรงงานต่างด้าวกำลังเข้ามาเป็นตัวเลือกที่สำคัญของอุตสาหกรรมการผลิตในโรงงาน ภาคการบริการ ในจุดนี้เองทำให้มีการจัดหาแรงงานเปิดอย่างเต็มรูปแบบของแรงงานต่างด้าวจาก 3 ประเทศ พม่า- กัมพูชา-ลาว ส่วนแนวโน้มที่ผู้ประกอบการไทยหันมาใช้แรงงานต่างด้าว ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันนั้นมาจากปัจจัยทางด้านค่าแรงที่สมเหตุสมผลและไม่เลือกงานทำนั่นเอง ที่ต้องถูกต้องตามกฎหมายทั้งหมด
สถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยชี้แจงการพัฒนาแหล่งปิโตรเลียมในพื้นที่ตำบลดูนสาด อำเภอกระนวน จังหวัดขอนแก่น
สถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยบรรยายวิชาการเกี่ยวกับการพัฒนาแหล่งปิโตรเลียมในพื้นที่ตำบลดูนสาด อำเภอกระนวน จังหวัดขอนแก่นสร้างความรู้ความเข้าใจกลับชุมชนในพื้นที่แหล่งพัฒนาปิโตรเลียมซึ่งขอนแก่นเป็นศูนย์กลางพลังงานภาคตะวันนออกเฉียงเหนือ การนำเสนอข้อมูลเน้นด้านการกระทบต่อสุขภาพ สิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยในการสำรวจผลิตปิโตรเลียม
เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2558 เวลา 09.00 น ที่ห้องประชาสโมสร โรงแรมเซ็นทาราคอนเวนชั่นเว็นเตอร์ขอนแก่น นายสรุชัย วัฒนาอุดมชัย ปลัดจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานเปิดการบรรยายวิชาการเกี่ยวกับการพัฒนาแหล่งปิโตรเลียมในพื้นที่ตำบลดูนสาด อำเภอกระนวน จังหวัดขอนแก่น นายฐนันดร์ มฤคทัต รองผู้อนวยการสถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย กล่าวรายงานว่า เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจกลับชุมชนในพื้นที่แหล่งพัฒนาปิโตรเลียม และประสานงานด้านนโยบายระเบียบของภาครัฐ เพื่อเกิดประโยชน์กลับทุกภาคส่วน เพราะแหล่งพลังงานที่มีอยู่ น้อย จำเป็นต้องมีแหล่งพลังงานสำรองเพื่อไม่ให้เกิดภาวะขาดแคลน นายวิชัย ธารณเจษฎา ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสด้านสำรวจและปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย บรรยายวิชาการนำเสนอข้อมูลพื้นฐานและความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการสำรวจปิโตรเลียมจากแหล่งบนบกซึ่ง ปัจจุบันความต้องการพลังงานของประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ปริมาณการผลิตมีแนวโน้มลดลง ดังนั้นถ้าไม่มีการสำรวจและพัฒนาปิโตรเลียมจากแหล่งใหม่เพิ่มเติมจะทำให้ประเทศไทยต้องนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น และส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้บริโภค
ซึ่งแผนพัฒนาปิโตรเลียมแหล่งดงมูลในแปลงสำรวจบนบกหมายเลข L27/43 ปี 2556 และจะแล้วเสร็จในปี 2561 ถือเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติประเภท NGV ที่คาดหวังว่าจะมีปริมาณที่มากพอสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้ใช้บริการในภาคอีสานในอนาคต จากกรณีล ดูนสาด การเจาะหลุมผลิต จ.ขอนแก่น จะคลุมพื้นที่ อ.กระนวน ที่ ต. ดูนสาด และ ต.หนองโก วางแผนที่จะผลิตก๊าซธรรมชาติวันละ 24 ล้านลูกบาศก์ฟุต โดยจะลำเลียงก๊าซผ่านท่อเพื่อมาแยกก๊าซที่โรงแยกก๊าซอำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น รวมระยะทาง 52กิโลเมตร มีการเจาะจากระดับผิวดินไปจนถึงระดับความลึกประมาณ 300-350 เมตร สิทธิสำรวจหลุมดงมูล-บี ในพื้นที่ อ.กระนวน จ.ขอนแก่น ซึ่งอยู่ห่างจากหลุมสินภูฮ่อม จ.อุดรธานี ประมาณ 70 กิโลเมตร โดยพื้นที่นี้บางส่วนเป็นเขตปฏิรูป กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงานต้องดำเนินการศึกษาและจัดเตรียมรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามขั้นตอนของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่มีอำนาจอนุญาตตามกฎหมายพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนดำเนินการพัฒนาโครงการ ต่อไป