พญ.ศศิธร ตั้งสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 ขอนแก่น เตือนเด็กๆเยาวชนระมัดระวังแหล่งน้ำใกล้บ้านอันตรายใกล้ตัว เผยการจมน้ำมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีเสียชีวิตจากการจมน้ำปีละ 1,400-1,500 คน หรือเฉลี่ยวันละ 4 คน จึงขอเตือนผู้ปกครองให้เอาใส่ใจบุตรหลาน เพิ่มความใกล้ชิดโดยเฉพาะช่วงปิดเทอมใหญ่ ประกอบกับอากาศร้อน อาจเป็นเหตุให้เด็กๆนัดแนะกันไปคลายร้อนด้วยการลงเล่นน้ำในแหล่งน้ำตามสถานที่ต่างๆ
จากสถานการณ์ทั่วโลกการจมน้ำเสียชีวิตของเด็กยังเป็นปัญหา พบเป็นสาเหตุการเสียชีวิตใน 10 อันดับแรกของกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีเสียชีวิตจากการจมน้ำ ปีละ 135,585 คน เฉลี่ยทั่วโลกวันละ 372 คน จากจำนวนของผู้เสียชีวิตดังกล่าวจำเป็นที่ประเทศไทยต้องให้ความสำคัญ และเร่งรณรงค์หาทางป้องกันไม่ให้เด็กไทยจมน้ำ หนึ่งในมาตรการนั้นคือการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันเด็กไทย ให้สามารถเอาตัวรอดได้เมื่อตกอยู่ในยามคับขันทางน้ำ รวมทั้งสามารถให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำได้อย่างถูกวิธี โดยเฉพาะในช่วงเดือนมีนาคม –พฤษภาคม เป็นเดือนที่เด็กจมน้ำเสียชีวิตมากที่สุด กระทรวงสาธารณสุขจึงได้กำหนดให้วันเสาร์แรกของเดือนมีนาคมของทุกปี เป็นวันรณรงค์ป้องกันเด็กจมน้ำ และได้มีการจัดกิจกรรมรณรงค์มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2553 และในปีนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมกับหน่วยงานหลายภาคส่วนในการเสริมสร้างความรู้ เพิ่มทักษะให้เด็กสามารถเอาตัวรอดทางน้ำได้ ที่สำคัญต้องการสื่อให้ประชาชนทราบว่า ผู้ปกครอง/ผู้ดูแลเด็กต้องช่วยกันดูแลเด็กอย่างใกล้ชิดไม่ปล่อยให้เด็กอยู่ตามลำพังแม้เพียงเสี้ยววินาที และแหล่งน้ำที่มีน้ำเพียงเล็กน้อยก็สามารถจมน้ำเสียชีวิตได้ซึ่งในกลุ่มเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี เด็กต้องอยู่ในระยะที่มองเห็น เข้าถึง และคว้าถึง
การจมน้ำสามารถป้องกันได้ หากผู้ปกครองและผู้ดูแลเด็กเอาใจใส่ในการเฝ้าระวัง การให้เด็กเรียนรู้ทักษะการว่ายน้ำและรู้จักวิธีช่วยเหลือผู้กำลังจะจมน้ำอย่างถูกวิธี จะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะสร้างเสริมภูมิคุ้มกันป้องกันการจมน้ำได้




เตือนผู้ทำงานกลางแจ้งต่อเนื่องเป็นเวลานานอันตรายเสี่ยง !! ฮีตสโตรก โรคร้อนจากลมแดดที่ไม่ควรมองข้าม
จากสภาพอากาศร้อนของประเทศไทยนับวันยิ่งจะมีอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยเฉพาะผู้ทำงานกลางแจ้ง และต้องทนอยู่กับสภาวะแวดล้อมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะอากาศร้อนจะทำให้อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้น มีผลกับการทำงานของระบบหัวใจและหลอดเลือด เมื่ออุณหภูมิในร่างกายสูงมากจนมีผลกระทบต่อระบบประสาท จะทำให้มีการเสียชีวิตจากอวัยวะต่างๆ ทำงานล้มเหลว โรคที่เกิดจากอากาศร้อนที่พบบ่อยมี 4 โรค ได้แก่ โรคลมแดด หรือฮีตสโตรก (Heat Stroke) โรคเพลียแดด (Heat Exhaustion) โรคตะคริวแดด (Heat Cramps) และผิวหนังไหม้แดด (Sun burn)
สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคจากความร้อนซึ่งต้องระมัดระวังเป็นพิเศษได้แก่ เด็กทารกและเด็กเล็กผู้มีอายุมากกว่า 65 ปี ผู้ที่มีโรคอ้วนหรือน้ำหนักเกิน ผู้ที่ออกกำลังกายหรือใช้แรงงานอย่างหนัก ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง หรือกำลังรับประทานยาบางชนิด เช่น ยารักษาภาวะซึมเศร้านอนไม่หลับ การปฏิบัติตัวเพื่อให้ร่างกายปรับสภาพป้องกันอันตรายในช่วงที่มีอากาศร้อน ได้แก่ ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว ในกรณีที่ออกกำลังกายให้ดื่มน้ำเย็น 2-4 แก้ว ทุกชั่วโมง ถ้าสูญเสียเหงื่อมากให้ดื่มน้ำเกลือแร่ แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหลวมๆที่เบาสบายสีอ่อนๆ ถ้าออกนอกบ้านควรสวมหมวกปีกกว้าง แว่นกันแดด ทาครีมกันแดด 30 นาทีก่อนออกแดด หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง ควรจัดสรรตารางกิจกรรมนอกบ้านให้อยู่ในช่วงเช้าหรือช่วงเย็นที่แดดไม่จัด กรณีอากาศร้อนจัดมากให้อาบน้ำ หรือใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัว อย่างไรก็ตามหากประชาชนเจ็บป่วยหรือไม่สบาย ขอให้รีบไปพบแพทย์ทันที