รายงานข่าวสุขภาวะภาคอีสาน สานใจสานพลัง กับ ดิฉันนิชรา บุญตะนัย ผสข.สุขภาวะภาคอีสาน จากสถานีวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน จ.อุบลราชธานี

เมื่อเร็วๆนี้ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี โดย วิทยาลัยแพทยศาสตร์และการสาธารณสุข ได้จัดโครงการเดินรณรงค์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีร่วมใจต้านภัยบุหรี่ พร้อมประกาศเจตนารมณ์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เป็นสถาบันการศึกษาปลอดบุหรี่ โดยได้รับความร่วมมือจาก สนง.สาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี ผู้แทนหน่วยงาน บุคลากร นักศึกษา เข้าร่วมจำนวนมาก
รศ.นพ. ป่วน สุทธิพินิจธรรม คณบดีวิทยาลัยแพทยศาสตร์และการสาธารณสุข มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี , ศาสตราจารย์ นายแพทย์ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ พร้อมด้วยคณาจารย์ บุคลากร และนักศึกษาร่วมกิจกรรมโครงการมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีร่วมใจต้านภัยบุหรี่ โดยเดินรณรงค์พร้อมป้ายคำขวัญต้านภัยบุหรี่ ระยะทาง 5 กิโลเมตร จากเขตชุมชนหน้ามหาวิทยาลัย และภายในพื้นที่คณะหน่วยงานต่างๆในมหาวิทยาลัย จุดสิ้นสุด ณ บริเวณหน้าอาคารสำนักงานอธิการบดี จากนั้น ได้จัดให้มีพิธีเปิดโครงการ และการประกาศเจตนารมณ์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เป็นสถาบันการศึกษาที่ปลอดบุหรี่ โดยมี รองศาสตราจารย์นงนิตย์ ธีระวัฒนสุข อธิการบดีมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี นำกล่าวเจตนารมณ์ พร้อมมอบป้ายปลอดบุหรี่ให้แก่หน่วยงานที่เข้าร่วม จากนั้นอธิการบดีได้ร่วมพิธีทำลายบุหรี่
ทั้งนี้ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ได้กล่าวถึง สถานการณ์การบริโภคยาสูบของประเทศไทยในปัจจุบันนี้ มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในกลุ่มเยาวชน ซึ่งการแก้ปัญหาการบริโภคยาสูบจะไม่สามารถทำได้โดยบุคคลใด บุคคลหนึ่งหรือองค์กรใด องค์กรหนึ่ง เป็นหน้าที่รับผิดชอบของทุกคน ที่ต้องช่วยกันรณรงค์ เพื่อให้สังคมน่าอยู่ และชุมชนได้รู้และตระหนักถึงโทษพิษภัยของการสูบบุหรี่

คุณผู้ฟังคะ จากข้อมูลการสำรวจพฤติกรรมการสูบบุหรี่ และดื่มสุราของประชากรไทย โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2554 พบว่า อัตราการสูบบุหรี่ของประชากรไทยอายุ 15 ปี ขึ้นไป ภาพรวมทั่วประเทศเท่ากับ 21.36%ในขณะที่จังหวัดอุบลราชธานีเท่ากับ 22.1% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ นอกจากนี้ปัญหาที่น่าห่วง คือบุหรี่เถื่อนที่กำลังระบาดในบริเวณชายแดนที่มีราคาถูกกว่าท้องตลาดจึงทำให้เยาวชนเข้าถึงได้ง่ายมากยิ่งขึ้นหากเราไม่มีมาตรการในการป้องกันที่ชัดเจนเด็กและเยาวชนจังหวัดอุบลราชธานี
จะกลายเป็นผู้เสพติดบุหรี่ในระยะยาวทำให้เลิกสูบบุหรี่ได้ยากมากยิ่งขึ้นจังหวัดอุบลราชธานีได้พยายามดำเนินมาตรการต่างๆที่จะช่วยกันลดอัตราการสูบบุหรี่ของประชาชนชาวจังหวัดอุบลราชธานี และจากข้อมูลของศูนย์อาชญากรรมและยุติธรรมศึกษาสหราชอาณาจักร ได้ประเมินและจัดอันดับสารเสพติดชนิดต่างๆ ในสามลักษณะ คือ อันตรายต่อร่างกาย ความรุนแรงของการเสพติด และ ผลกระทบของการใช้สารนั้นต่อสังคมในภาพรวม ผลการวิเคราะห์พบว่า ยาเสพติดที่อันตรายที่สุดอันดับ 1 คือ เฮโรอีน อันดับ 2 คือ โคเคน อันดับ 8 ยาบ้า และ บุหรี่อยู่ในอันดับที่ 9 ดังนั้น บุหรี่จึงเป็นยาเสพติด 1 ใน 10 ที่ร้ายแรงที่สุด นอกจากนี้ ประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ถือว่า การติดนิโคติน หรือติดบุหรี่ เป็นปัญหาวิกฤตการณ์ในวงการสาธารณสุข บุหรี่ คือสิ่ งเสพติดที่ถือเป็นด่านแรกที่นำไปสู่ยาเสพติดร้ายแรงชนิดอื่นได้ ทั้งนี้องค์การอนามัยโลกได้จัดให้การสูบบุหรี่เป็นโรคชนิดหนึ่ง และจัดให้บุหรี่คือ ยาเสพติด เนื่องจาก'"ยาเสพติด" ในความหมายขององค์การอนามัยโลก หมายถึง สิ่งที่เสพเข้าไปแล้วจะเกิดความต้องการเพิ่มขึ้น และไม่สามารถหยุดเสพได้ จนในที่สุดทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บต่อ ร่างกายและจิตใจตามมา ปัจจุบัน ประเทศไทย มีผู้เสพติดบุหรี่อายุ 15 ปีขึ้นไป จำนวน 11.5 ล้านคน แบ่งเป็น เพศชาย 10.9 ล้านคน (ร้อยละ 95) เพศหญิง 5.7 แสนคน (ร้อยละ 5) ภาคใต้ครองแชมป์อัตราการสูบสูงสุด รองลงมาคือภาคอีสาน ส่วนจังหวัดที่มีอัตราการสูบบุหรี่สูงสุด คือ แม่ฮ่องสอน ผู้สูบอายุน้อยที่สุดที่เริ่มสูบบุหรี่ คือ อายุ 6 ปี และคนไทยเสียชีวิตเพราะบุหรี่ ปีละ 50,710 คน คิดเป็น วันละ 138 คน ชั่วโมงละ 6 คน โรคที่ทำให้เสียชีวิตจากการสูบบุหรี่มากที่สุด ได้แก่ โรคถุงลมโป่งพอง โรคมะเร็งปอด โรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นต้น โดยที่ผู้เสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ มีอายุเฉลี่ยสั้นลง 12-15 ปี … บุหรี่=ยาเสพติด เป็นภัยต่อชีวิต เป็นพิษต่อคนรอบข้าง ยิ่งสูบ ยิ่งเสี่ยง นะคะ ... พบกันใหม่สัปดาห์หน้า นิชรา บุญตะนัย ผสข.สุขภาวะภาคอีสาน สานใจ สานพลัง รายงานจาก จ.อุบลราชธานี ค่ะ