เผยสาเหตุการเสียชีวิตจากการดื่มโต้ลมไม่ช่วยคลายหนาวแต่เป็นเพิ่มความเสี่ยง
ตามความเชื่อของคนกลุ่มหนึ่ง การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ช่วยแก้หนาวได้จริงหรือ พฤติกรรมการดื่มเหล้าตามความเชื่อ ตามคำบอกเล่าของคนอื่นผนวกกับความรู้สึกของตัวเองว่า ร่างกายดูเหมือนจะรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันทีเมื่อได้ดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปสักแก้วนั้นไม่ถือว่าผิด เพียงแต่เป็นคนที่อาจจะยังไม่เคยทราบผลการวิจัยหลายต่อหลายอัน ที่ให้คำตอบว่า ตกลงแล้ว ดื่มแอลกอฮอล์ทำให้ร่างกายอุ่นขึ้นจริงหรือ?

ดร.นพ.ณรงค์ วงศ์บา ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ ๖ ขอนแก่นได้กล่าวถึงความเข้าใจผิดของคนส่วนหนึ่งว่าแอลกอฮอล์ช่วยคลายหนาวได้? คำถามนี้มีคำตอบแน่นอนและเป็นคำตอบที่ได้รับการพิสูจน์แล้วเรียบร้อย ด้วยกระบวนการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ การวิจัยอันหนึ่งซึ่งได้รับการตีพิมพ์ในปีค.ศ. 2005 พบว่าหลังจากที่คนเราดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไป 1 แก้ว ร่างกายจะรู้สึกถึงความอบอุ่นในชั่วขณะสั้นๆ นั่นเป็นเพราะว่าแอลกอฮอล์ทำให้ร่างกายสูบฉีดเลือดออกไปที่บริเวณผิวหนัง เพื่อกระตุ้นการขับเหงื่อออก ซึ่งยิ่งมีผลทำให้อุณหภูมิในร่างกายลดต่ำลงไปอีก อีกงานวิจัย ดื่มเหล้าแก้หนาว ทำให้เกิดภาวะอุณหภูมิกายต่ำ ( Hypothermia ) และถึงขั้น "เสียชีวิต"ได้ เป็นงานวิจัยที่มีออกมาในรอบหลายปีที่ผ่านมา ยังยืนยันตรงกันว่า แอลกอฮอล์ที่ใครหลายคนยกย่องให้เป็นเครื่องดื่มที่เหมาะสมที่สุดกับสภาวะอากาศหนาวนั้น แท้จริงแล้วเพียงแค่ทำให้ผู้ดื่มรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ผิวกายเท่านั้น แต่ที่ไม่รู้สึกตัวกันก็คืออุณหภูมิที่ลดต่ำลงภายในแกนกลางของร่างกายอันนำไปสู่ความเสี่ยงของการเกิดภาวะอุณหภูมิกายต่ำ (hypothermia) ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายต่ออวัยวะในร่างกาย และหากรุนแรงก็ถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย การวิจัยอีกชิ้นหนึ่งซึ่งทำโดยสถาบันวิจัยเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อมของกองทัพสหรัฐฯ ได้ให้คำอธิบายเพิ่มเติมว่าสาเหตุหนึ่งที่การดื่มแอลกอฮอล์ทำให้ร่างกายเสี่ยงต่อภาวะไฮโปเทอร์เมียนั้น เป็นเพราะว่าแอลกอฮอล์ไปมีผลทำให้กระบวนการสั่นเพื่อเพิ่มอุณหภูมิของร่างกายถูกขัดขวาง ผลการวิจัยอันนี้ได้รับการยืนยันโดยผลการวิจัยอีกหลายอันซึ่งชี้ชัดว่าการย่อยสลายแอลกอฮอล์ในร่างกายเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากภาวะไฮโปเทอร์เมีย ดังนั้นจึงขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า"สภาพแวดล้อมที่มีอากาศเย็น ร่างกายจะพยายามรักษาความอบอุ่นในร่างกายให้อยู่ในสภาพที่ทนต่อสภาวะที่เย็นได้ โดยการลดการไหลเวียนของกระแสเลือดที่ผิวหนังลงเพื่อให้เลือดไหลเวียนไปที่อวัยวะสำคัญในแกนของร่างกาย แอลกอฮอล์จึงไม่ใช่วิธีที่ดีที่จะทำให้ร่างกายรู้สึก "อุ่น" แต่กลับทำให้อุณหภูมิร่างกายลดต่ำลง โดยเพิ่มอุณหภูมิ (เล็กน้อย) ที่ผิวหนัง (ดูได้จากการหน้าแดง ดูมีเลือดฝาด อะไรทำนองนั้นค่ะ) สุดท้ายอาจเกิดภาวะ Hypothermia ได้"
“นอกจากผลต่อร่างกายแล้ว ฤทธิ์แอลกอฮอล์ยังมีผลต่อการครองสติของผู้ดื่มอีกด้วย และเมื่อขาดสติแล้วอันตรายร้อยแปดสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ มีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย และกระทั่งนอนหลับหนาวตายก็ยังมี”
“เหล้า ดื่มแก้หนาวไม่ได้ใครก็รู้”

สคร.๖ เตือนยิงปืนขึ้นฟ้า อันตราย บาดเจ็บรุนแรง หนักถึงพิการและเสียชีวิต ผู้ยิงมีโทษตามกฎหมายวอนให้นึกถึงผลที่จะตามมา
สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ ๖ ขอนแก่น เตือนสติผู้ที่นิยมยิงปืนขึ้นฟ้าในช่วงเคาท์ดาวน์ ระบุชัดหากกระสุนตกปะทะโดยตรงอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ ย้ำตำรวจตามจับมาดำเนินคดีได้ทุกราย ซ้ำผู้ยิงมีความผิดต้องรับโทษหนัก ชี้มีความผิดหลายมาตรา
ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เราได้เป็นความสูญเสียที่ไม่คาดคิด จากการยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อเฉลิมฉลองจนเป็นเหตุให้มีผู้เคราะห์ร้ายบาดเจ็บ และเสียชีวิต สถิติจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติชี้ปีที่ผ่านมาพบ 18 จุดทั่วประเทศ ดังนั้นก่อนจะถึงเทศกาลทุกหน่วยงานต้องรีบออกมาเตือนให้งดฉลองปีใหม่ด้วยการยิงปืนขึ้นฟ้า ซึ่งการยิงปืนขึ้นฟ้าเสี่ยงต่อการที่กระสุนจะตกลงมาถูกประชาชนและทำให้ทรัพย์สินเสียหายได้ ยกตัวอย่างปืนขนาด .45 ถ้ายิงขึ้นฟ้าในมุม 30 องศา กระสุนปืนจะวิ่งไปได้ไกล 1200 ม.และมีแรงตกลงมาถึง 251 กม/ชม ส่วนกระสุนขนาด 9 มม.ยิงในลักษณะเดียวกันจะไปได้ไกล 1318 ม.มีแรงตกลงมาถึง 246 กม./ชม.แรงตกของกระสุนหากตกถูกประชาชนจะทำให้ได้รับบาดเจ็บและอาจถึงกับเสียชีวิตได้ และยืนยันว่าตำรวจมีวิธีการติดตามผู้กระทำผิดได้เนื่องจากมีวิธีการคำนวณวิถีกระสุนปืน จึงอยากให้เปลี่ยนค่านิยมเสียใหม่ ส่วนในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้ สำหรับมาตรการป้องกันเหตุทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ประกาศแจ้งเตือนห้ามมิให้ประชาชนยิงปืนขึ้นบนฟ้า พร้อมทั้งกำชับการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ เมื่อเกิดเหตุต้องลงพื้นที่ไปตรวจสอบวิถีกระสุนและติดตามจับกุมคนร้าย ส่วนภาคประชาชนจะต้องให้ความร่วมมือ ช่วยแจ้งเบาะแสแก่เจ้าหน้าที่ว่าที่บ้านไหนมีจัดเลี้ยงและชอบยิงปืนขึ้นฟ้า พร้อมฝากเตือนไปยังผู้ที่ยิงปืนขึ้นฟ้า จะมีความผิดทั้งทางวินัยและอาญา ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน พกปืนเถื่อนมีโทษจำคุก 1 ถึง 10 ปี ปรับ 2 พัน ถึง 2 หมื่นบาท ปืนผิดมือ (ปืนมีทะเบียนของคนอื่น) มีโทษจำคุก 6 เดือน ถึง 5 ปี ปรับ 2 พัน ถึง 2 หมื่นบาท พกพาอาวุธปืนไปในเมืองหรือที่สาธารณะ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท ส่วนกรณีหากยิงปืนขึ้นฟ้าแล้วตกลงมาโดนผู้อื่นจะมีความผิดต่อชีวิตและร่างกาย ฐานกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1 พันบาท กระทำการโดยประมาทฯ ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 พันบาท และหากประมาทจนทำให้ผู้อื่นเสียชีวิตมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท และหากยิงปืนในแนวราบย่อมมีเจตนาเล็งเห็นผลซึ่งโทษก็จะหนักขึ้นอีกด้วย
อย่าปล่อยให้การยิงปืนขึ้นฟ้าเป็นการกระทำที่ยึดถือปฏิบัติจนเป็นประเพณี เทศกาลปีใหม่นี้จึงขอเชิญชวนให้งดการยิงปืนขึ้นฟ้า เพราะนั่นคืออันตรายที่อาจทำให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้เคราะห์ร้าย รวมทั้งผู้กระทำผิดต้องได้รับโทษทางกฎหมาย หากพบเห็นการกระทำความผิดให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบทันที