นางสาวกาญจนา ทองทั่ว ผอ.สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาชุมชนท้องถิ่น เปิดเผย ว่า มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ร่วมกับมูลนิธิประชาสังคม และภาคีเครือข่าย ได้จัดทำโครงการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนน ของนักศึกษามหาวิทยาลัยอุบลราชธานี และชุมชนรอบมหาวิทยาลัย 6 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ประกอบด้วย อบต. โพธิ์ใหญ่ ,คูเมือง,อบต.ธาตุ เทศบาลตำบลเมืองศรีไค,,เทศบาลตำบลคำขวาง และเทศบาลตำบลแสนสุข อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้รถใช้ถนน และการมีส่วนร่วมของชุมชนในการป้องกันและลดอุบัติเหตุในชุมชนของตนเอง โดยมีกิจกรรมการดำเนินงาน ดังนี้ กิจกรรมกำจัดจุดเสี่ยง เช่น ป้ายเตือน ป้ายห้าม ทาสี ทำลูกระนาด ตามเส้นทางสายหลัก ถนนสาย 24 ตั้งแต่ตลาดเจริญศรี และถนนสายหลักในชุมชนตำบลคูเมือง ตำบลโพธิ์ใหญ่ และตำบลคำขวาง อ.วารินชำราบ จัดอบรมให้ความรู้ขับขี่ปลอดภัยในโรงเรียน ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา-มัธยมศึกษา จัดทำคู่มือขับขี่ปลอดภัย และสื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจ ให้กับประชาชน จัดกิจกรรมรณรงค์การขับขี่ปลอดภัย เช่น ประกวดคำขวัญ ประกวดหมวกกันน๊อค การจัดเวทีบอกเล่าประสบการณ์จากผู้ประสบอุบัติเหตุ และจัดระบบกวดขันการสวมหมวกกันน๊อคของนักศึกษา ม.อุบลราชธานี รวมถึงการจัดเวทีหาทางออกปัญหารถบรรทุกขนดินวิ่งผ่านชุมชน จนเกิด MOU ระหว่างเจ้าของรถบรรทุกกับชุมชน 3 ชุมชน โดยกิจกรรมต่างๆเหล่านี้ ถือเป็นกิจกรรมที่สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนของจังหวัดอุบลราชธานี ที่ประกอบด้วยแผนยุทธศาสตร์ที่สำคัญ 5 ยุทธศาสตร์ คือ ยุทธศาสตร์ด้านการบังคับใช้กฎหมาย อย่างจริงจังและต่อเนื่อง ยุทธศาสตร์ด้านวิศวกรรมจราจร เร่งปรับปรุงระบบถนนและยานพาหนะที่มีลักษณะอันตรายและก่อให้เกิดอุบัติเหตุ ยุทธศาสตร์ด้านการให้ความรู้ ประชาสัมพันธ์และการมีส่วนร่วม เป็นการให้ความรู้ความเข้าใจฝนการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย ยุทธศาสตร์ด้านการบริการทางการแพทย์ฉุกเฉิน เพื่อลดการสูญเสียชีวิต พิการ และทุกข์ทรมาน รวมถึงยุทธศาสตร์ ด้านการประเมินผลและระบบสารสนเทศ โดยเมื่อปี 2555 ที่ผ่าน มีข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุจากตำรวจภูธร จังหวัดอุบลราชธานี พบว่า จังหวัดอุบลราชธานี มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น จำนวน 486 ครั้ง บาดเจ็บ 630 คน เสียชีวิต 172 คน

คุณผู้ฟังคะ ปัญหาอุบัติเหตุทางถนนเป็นปัญหาใหญ่ที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ โดยเมื่อวันที่ 19 – 20 พฤศจิกายน 2552 องค์การสหประชาชาติ (UN) ได้จัดการประชุมผู้บริหารระดับสูงเรื่อง "ความปลอดภัยทางถนน” ณ กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย ได้เชิญผู้แทนระดับสูงของประเทศต่างๆเข้าประชุม และได้ประกาศรับรองเจตนารมณ์ปฏิญญามอสโก กำหนดให้ ปี 2554-2563 เป็น ทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนนและเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกมีการจัดทำแผนปฏิบัติการพร้อมทั้งให้กำหนดเป้าหมายลดการสูญเสียชีวิตในระดับที่ท้าทายให้เหมาะสม กับปัญหาอุบัติเหตุทางถนนของแต่ละประเทศเมื่อสิ้นสุดทศวรรษ ประเทศไทยในฐานะประเทศสมาชิกUN จึงได้ดำเนินงานตามปฏิญญามอสโก 2 ประการ ที่สำคัญ คือ การกำหนดเป้าหมายตามมาตรฐานสากล คือ อัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนของคนไทยลดลงครึ่งหนึ่ง หรือในอัตรา ที่ต่ำกว่า 10 คน ต่อประชากรหนึ่งแสนคน และการกำหนดแนวทางการดำเนินงานในทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน 8 ประการ ประกอบด้วย การส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัย โดยมีเป้าหมายให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายสวมกันน๊อค 100%, ลดพฤติกรรมเสี่ยงจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับขี่ยานพาหนะ,แก้ไขปัญหาจุดเสี่ยง จุดอันตราย, ปรับพฤติกรรมของผู้ขับขี่ใช้ความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด,ยกระดับมาตรฐานยานพาหนะให้ปลอดภัยโดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ รถโดยสาร รถบรรทุก , พัฒนาสมรรถนะของผู้ใช้รถใช้ถนน ให้มีความปลอดภัย , พัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินการรักษาและฟื้นฟูผู้บาดเจ็บให้ทั่วถึงและรวดเร็ว และ พัฒนาระบบบริหารจัดการความปลอดภัยทางถนนให้มีความแข็งแรง ซึ่งหากดูจากแนวทางดังกล่าว การส่งเสริมการสวมหมวกกันน๊อค 100 % ยังเป็นเรื่องยากในการสร้างจิตสำนึกความปลอดภัยของผู้ขับขี่ เพราะถึงแม้จะมีกฎหมายหมวกกันน๊อค บังคับใช้ตั้งแต่ปี 2539 แต่จนถึงปัจจุบัน ผ่านมา16 ปี คนไทยยังสวมหมวกกันน๊อคแค่ 50% เท่านั้นเอง และจากข้อมูลการรายงานความปลอดภัยทางถนนของโลก ปี พ.ศ.2556 ขององค์การอนามัยโลก พบว่าประเทศไทยมีอัตรา ผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนพุ่งสูงขึ้นเป็นอันดับ 3 ของโลก มีอัตราการเสียชีวิตถึง 38.1 คนต่อประชากร 1 แสนคน รองจากประเทศเกาะนีอูเอ และ สาธารณรัฐโดมินิกัน ดังนั้น เป้าหมายการลดอัตราการตายลงครึ่งหนึ่ง หรือไม่เกิน 10 คน ต่อประชากร 1 แสนคน ตามมาตรฐานสากลขององค์การสหประชาชาติตาม จึงเป็นเป้าหมายที่ท้าท้ายในการทำงานเป็นอย่างยิ่งสำหรับประเทศไทย ค่ะ ...

พบกันใหม่สัปดาห์หน้า นิชรา บุญตะนัย ผสข.สุขภาวะภาคอีสาน สานใจ สานพลัง รายงานจาก จ.อุบลราชธานี สวัสดีค่ะ