เมื่อวันพฤหัสบดี ที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๖ ณ ห้องประชุมคอนเวนชั่นฮอลล์ สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ถ.วิภาวดีรังสิต กรุงเทพมหานคร ทางมูลนิธิสดศร-สฤษดิ์วงศ์ ได้จัดเวทีนโยบายสาธารณะเพื่อป้องกันเด็กเยาวชนจากการพนัน ๒๕๕๖ “ความท้าทายในการจัดการสำหรับบริบทของสังคมไทย”
จากรายงานสำรวจสถานการณ์การพนันของประเทศไทยทั้ง ๒ ครั้ง คือครั้งแรกช่วงปี ๒๕๓๙-๒๕๔๑ และครั้งที่ ๒ ในปี พ.ศ.๒๕๕๓ พบว่าคนไทยร้อยละ ๗๐ เคยเล่นการพนัน ในจำนวนนี้เป็นนักพนันที่เป็นเยาวชนคืออายุน้อยกว่า ๒๕ ปี ร้อยละ ๔.๑ หรือประมาณ ๑.๙ ล้านคน โดยหวยใต้ดินเป็นการพนันที่นิยมเล่นมากที่สุด รองลงมาคือ การพนันในบ่อนและการพนันฟุตบอล ทั้งนี้ในปัจจุบันมีการพนันรูปแบบใหม่ ๆและการพนันฟุตบอลมากขึ้น อาทิ เด็กประถมศึกษาทั่วประเทศ ประมาณ ๓ แสนกว่าคนเล่นการพนันบอล เด็กมัธยมอาชีวศึกษา และอุดมศึกษา ประมาณ ๑.๑ ล้านคนเล่นพนันฟุตบอลและเป็นการเล่นชนิดขาประจำ ซึ่งสาเหตุมาจากการถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลลีคใหญ่ ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และการให้ข้อมูลทายผลผ่านสื่อวิทยุ สื่อหนังสือพิมพ์ ขณะที่ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการสื่อสารได้นำพาให้เด็กและเยาวชน เข้าสู่การพนันออนไลน์มากขึ้น ทั้งการพนันฟุตบอล พนันคาสิโน การพนันม้าแข่ง ทำให้ธุรกิจเติบโตเฉลี่ยร้อยละ ๒๐ /ปี รายได้ของธุรกิจนี้ประมาณไว้ระหว่าง ๒๕,๐๐๐-๓๑,๗๕๐ ล้านบาท และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
สาเหตุที่เด็กเยาวชนเล่นการพนัน
๑.พฤติกรรมของเด็กวัยรุ่นที่รักสนุก และแสวงหาความตื่นเต้นในการเสี่ยงโชค
๒.พฤติกรรมเลียนแบบเพื่อเพื่อเข้าสังคมและสร้างการยอมรับ
ผลกระทบต่อสมอง
๑.ต่อระบบการคิดและวุฒิภาวะของเด็กและเยาวชนอย่างถาวร หากสมองของเด็กและวัยรุ่นถูกระตุ้นด้วยการพนันรูปแบบต่าง ๆสมองส่วน striatum (สีชมพู) เปรียบเสมือนคันเร่งจะถูใช้งานบ่อย เสมือนเป็นการฝึกฝนจั้งแต่อายุยังน้อย สมองส่วนนี้มีความว่องไวในการทำงานมากขึ้น จนทำให้สมองส่วน PFC เปรียบเสมือนเบรกซึ่งพัฒนาช้ากว่าคันเร่ง โดยธรรมชาติของวัยอยู่แล้ว ไม่สามารถพัฒนาแข่งกับสมองส่วนเร่งได้ อาจมีผลทำให้เด็กหรือวัยรุ่น เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ขาดวุฒิภาวะ
๒.ความคิดและพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ยิ่งการกระตุ้นด้วยกิจกรรมการพนัน นักพนันยิ่งอยากเล่น อันมาจากการหลั่งสาร Dopamine ทำให้คนติดการพนันและอยากเล่นมากขึ้น..
ขอได้รับความขอบคุณจาก ลุงจ๊าง สันป่าตอง หรือ นาย ไพศาล ภิโลคำ