ผลกระทบจากโรงไฟฟ้าชีวมวล ตำบลเมืองเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด 17 มกราคม 56

การประชุมปรึกษาหารือ “ต่อยอดสมัชชาสุขภาพจังหวัดร้อยเอ็ด ในทศวรรษที่ ๒”
เวลา 9.00 – 13.00 น. ได้มีเวทีประชุมปรึกษาหารือ “ต่อยอดสมัชชาสุขภาพจังหวัดร้อยเอ็ด ในทศวรรษที่ 2”
นายแพทย์วัชระ เอี่ยมรัศมีกุล รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด มากล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมประชุม และหลังจากนั้นดร.ปาลิดา เฉลิมแสน ประธานคณะกรรมการสมัชชาสุขภาพฯ ได้นำเสนอสถานการณ์การขับเคลื่อนสมัชชาสุขภาพจังหวัดร้อยเอ็ดที่ผ่านมา มีการกล่าวถึงการพัฒนากลไกจังหวัด โดยใช้หลัก “สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา” ภายใต้กรอบ สช. จะเน้นสื่อ เพื่อใช้ในการสื่อสารกับคนในพื้นที่/ชุมชน โดยมีการทำงานร่วมกับวิทยุชุมชน พร้อมจัดทำเว็บไซต์สมัชชาสุขภาพจังหวัดเพื่อสื่อสารข้อมูลให้คนในพื้นที่ได้รับทราบถึงสถานการณ์ และนอกจากนั้นยังมีการจัดทำธรรมนูญสุขภาพระดับพื้นที่ (ธรรมนูญสุขภาพระดับตำบล)
นายอำนวย สุขศรี ภาคประชาสังคม (เทศบาลตำบลหนองหิน) ได้นำเสนอธรรมนูญสุขภาพ ต.หนองหิน (นำเสนอด้วยว่ามีตำบลต้นแบบเกิดขึ้นแล้ว 6 ตำบล)
นายฐิติวัฒน์ ประตุคำ เครือข่ายอนุรักษ์ธรรมชาติ (คณะกรรมการสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ จ.ร้อยเอ็ด) มาเล่าภาพกระบวนการทำงานของ CHIA ในพื้นที่ให้ฟัง พร้อมทั้งในช่วงเที่ยงได้พาไปลงพื้นที่ในชุมชนรอบโรงไฟฟ้าชีวมวลอีกด้วย
ทางด้าน นายอภิชาติ โพธิสาร ผู้ใหญ่บ้าน ได้เข้ามาร่วมเติมเต็มประเด็น CHIA ว่าพบปัญหาฝุ่นละอองในชุมชนรอบโรงไฟฟ้าชีวมวล ทำให้ชาวบ้านเกิดการเจ็บป่วยเป็นจำนวนมาก และยังบอกข้อมูลของทั่วไปของจังหวัดร้อยเอ็ดให้คณะกรรมการได้รับทราบ
และหลังจากนั้น นายสุทธิพงษ์ วสุโสภาพล ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ และ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนปฏิบัติการพื้นที่ มาชวนคุยปรึกษาหารือ “ต่อยอดสมัชชาสุขภาพจังหวัดร้อยเอ็ด ในเทศวรรษที่ 2”

ผลกระทบด้านฝุ่นละออง จะเกิดจากการฟุ้งกระจายของฝุ่นละอองแกลบจากรถขนส่งแกลบ โกดังเก็บแกลบ และการลำเลียงแกลบจากโกดังแกลบสู่เตาเผา นอกจากนี้ ในกระบวนการผลิตไฟฟ้าจะต้องมีการเผาแกลบซึ่งจะทำให้เกิดขี้เถ้า กระบวนการผลิตจะมีแกลบดำประมาณ 10 ตันต่อวัน หรือประมาณ ๓,๖๐๐ ตันต่อปี ดังนั้น จะมีขี้เถ้าเบาหรือฝุ่นละอองที่ออกจากปล่องของโรงไฟฟ้า และฝุ่นละอองที่เกิดจากการขนย้ายหรือการกองขี้เถ้าหนักหรือแกลบดำ โดยบ้านเรือนที่ใกล้ที่สุดห่างจากรั้วของโรงไฟฟ้าประมาณ 50 เมตร ซึ่งขี้เถ้าเบาหรือฝุ่นละอองที่เกิดจากกระบวนการผลิตที่ออกจากปล่องของโรง ไฟฟ้าอาจส่งผลกระทบต่อชุมชนที่อยู่ใกล้เคียงได้ แม้จะมีการติดตั้งเครื่องดักฝุ่นระบบไฟฟ้าสถิตประสิทธิภาพสูงถึง 3 จุด แต่ด้วยระยะเวลาในการดำเนินโครงการนานถึง 25 ปี อาจทำให้เครื่องดักฝุ่นมีประสิทธิภาพลดลง จนฝุ่นละอองสามารถหลุดออกมาสู่ภายนอกได้
ปัญหาฝุ่นละอองที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาที่ควบคุมได้ยาก เพราะฝุ่นจะปลิวไปตามกระแสของลม นอกจากนี้ โครงการยังตั้งอยู่ในที่ที่สูงที่สุดของหมู่บ้านทำให้ฝุ่นละอองแพร่กระจาย ได้ง่ายขึ้น แม้จะมีพื้นที่กันชนประมาณ 100 เมตรจากรั้วทุกด้านก็ตาม โดยระยะของหมู่บ้านที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบขึ้นอยู่กับฤดูกาลและความแรงของ ลม เช่น
ฤดูหนาว กระแสลมจะพัดจากทิศเหนือไปทางทิศใต้ บ้าน ที่อยู่ด้านทิศใต้ของโรงไฟฟ้าในรัศมี 10 กิโลเมตร จำนวน 4 หมู่บ้าน ในตำบลท่าช้าง 3 หมู่บ้าน คือ บ้านคำสร้างไชย บ้านคำโพธิ์ บ้านโคกก่อง และในตำบลบุ่งมะแลง 1 หมู่บ้าน คือ บ้านหนองเลิงนา
ฤดูร้อน กระแสลมจะพัดจากทิศใต้ไปทิศเหนือ บ้าน ที่อยู่ด้านทิศเหนือของโรงไฟฟ้าในรัศมี 10 กิโลเมตร มีจำนวน รวม 5 หมู่บ้าน ในตำบลท่าช้าง 4 หมู่บ้าน คือ บ้านคำสร้างไชย บ้านคำนกเปล้า บ้านดงผักขา บ้านหนองพรานคาน ต.บุ่งมะแลง 1 หมู่บ้าน คือ บ้านบุ่งมะแลงน้อย หน่วยงานราชการ 5 แห่ง ได้แก่ สถานีอนามัย ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล สำนักงานวิจัยและพัฒนาการเกษตร เขต 4 ศูนย์วิจัยพืชไร่ และโรงเรียนห้วยนกเปล้า
ฤดูฝน กระแสลมจะพัดไปทุกทิศทาง บ้านที่ อยู่รอบโรงไฟฟ้า ในรัศมี 10 กิโลเมตร มี จำนวน 25หมู่บ้าน 2 ตำบล คือ ท่าช้างและบุ่งมะแลง และหน่วยงานราชการ 4 แห่ง โรงเรียน 1 แห่ง
ผลกระทบด้านน้ำ โรงไฟฟ้ามีความต้องการน้ำวันละ 1,300 ลูกบาศก์เมตร หรือประมาณ 460,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี ในช่วงฤดูฝนประมาณ 4 เดือนจะมีการสูบน้ำจากแม่น้ำมูล มาพักที่บ่อเก็บขนาด 10 ล้านลิตร หรือ 10,000 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งใช้ได้ประมาณ 1 สัปดาห์ หากในช่วงนอกฤดูฝนประมาณ 8 เดือน หรือประมาณ 32 สัปดาห์ โครงการไม่มีการสูบน้ำจากแหล่งอื่นมาใช้ในกระบวนการผลิตเลย จะต้องสูบน้ำในช่วงฤดูฝนมาเก็บไว้ในบ่อพักขนาด 10,000 ลูกบาศก์เมตร จำนวน 32 บ่อ จึงจะเพียงพอต่อการใช้น้ำ 8 เดือน ในการขุดบ่อจะส่งผลกระทบต่อน้ำผิวดิน ซึ่งในการดำรงชีวิตของชุมชนใกล้พื้นที่โครงการโดยปกติมีการใช้น้ำจากน้ำผิว ดิน และลำห้วยตามธรรมชาติ ในการอุปโภคบริโภค และการประกอบอาชีพเกษตรกร และเลี้ยงสัตว์ ในพื้นที่ชุมชนบริเวณใกล้โครงการ ถ้าขุดดินลึกลงไปประมาณ 4-5 เมตร ก็จะมีน้ำซึม และลำห้วยตามธรรมชาติจะมีน้ำซึมตลอดปี โดยน้ำที่ซึมออกมาจะไหลรวมกันลงสู่แม่น้ำมูล

: http://guideubon.com/news/view.php?t=115&;s_id=1930&d_id=1930
ผลวิจัยชี้ โรงไฟฟ้าชีวมวล (แกลบ) บัวสมหมาย ได้ไม่คุ้มเสีย