คนที่ผลักดันเรื่องหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้ามากคือ หมอสงวน อีกคนที่ต้องให้เกียรติคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่เห็นประโยชน์ทางการเมือง หรือด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่รับแนวคิดนี้ไปและผลักดันทางการเมืองให้ปฏิบัติโดยรวดเร็ว\\\"

ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.อัมมาร สยามวาลา สถาบันวิจัย (ทีดีอาร์ไอ) และอดีตประธานคณะทำงานพัฒนานโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า สถาบันวิจัยระบบสาธารณะสุข กล่าวผ่านบทสัมภาษณ์พิเศษ เหลียวหลังแลหน้า ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งนำเสนอในการประชุมวิชาการ หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าในทศวรรษที่สอง

พร้อมทั้งกล่าวถึง การพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาว่า ค่อยๆ ปรับปรุงขึ้นเรื่อยๆ ตอนต้นนั้น รัฐบาลให้เงินสำหรับโครงการนี้ไม่เพียงพอ แต่บังเอิญสถานพยาบาลกินบุญเก่า มีเงินสำรองอยู่มาก

\\\"ผมเป็นนักเศรษฐศาสตร์ อยู่กับหมอกลุ้มใจมาก เพราะหมอเท่าไหร่ๆ ก็ไม่พอ แต่ผมรู้สึกว่า น่าจะใกล้พอแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าจะหยุด ต้องเพิ่มต่อไป เพราประชากรเพิ่มขึ้น คนไทยแก่ลง ฯลฯ ขณะที่การใช้บริการรักษาพยาบาลเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการช่วยเหลือคนที่อยู่ทางล่างของสังคม อย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน มีผลพิสูจน์ได้

อย่างไรก็ตาม ศ.พิเศษ ดร.อัมมาร มีข้อสังเกตว่า สำหรับคนไข้นอก อัตราการใช้สิทธิ 30 บาท โดยที่ไม่ไปโรงพยาบาลเอกชน หรือจ่ายเองมีแค่ 60%-70% เท่านั้น แต่สำหรับคนไข้ใน 90% กว่า ตรงนี้ชัดเจนว่าได้รับการช่วยเหลือมาก ประเด็นเรื่องการเข้าถึงทำได้ 98%-99% ส่วนคนที่ไม่ใช่สัญชาติไทยบริบูรณ์ ก็ต้องพยายามดึงเข้ามา

ขณะนี้ภารกิจหลักคือคุณภาพของการให้บริการ ซึ่งต้องลงทุนอีกพอสมควร โดยเฉพะบุคลากรต้องมีเพียงพอ\\\" ศ.พิเศษ ดร.อัมมาร กล่าว และว่า ส่วนความคาดหวังนั้น ถ้าความคาดหวังเป็นอย่างที่เรามีตอนต้น คนไทยที่ใช้บริการนี้ ไม่มีสิทธิล้มจมไปแล้ว 95% แต่ถ้ามาเรื่องเป้าหมายใหม่ คือ การได้บริการที่ดี พิถีพิถัน หมอมีเวลาให้กับคนไข้นอก ไม่ใช่แค่ 2 นาที ตรงนี้จะมีประโยชน์ต่อคนไข้ รวมทั้งกองทุนฯ เพราะถ้ารักษาคนไข้นอกดีๆ ปัญหาที่จะมีกับคนไข้ก็จะลดน้อยลง