เมื่อ 5 ตุลาคม 2553 ที่ผ่านมา เครือข่ายผู้ได้รับความเสียหายทางการแพทย์ เครือข่ายแรงงานนอกระบบ เครือข่ายผู้พิการ สมัชชาคนจน ชมรมเพื่อนโรคไต มูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค และเครือข่ายจากทั่วประเทศกว่าพันคน รวมตัวกันยื่นหนังสือให้รัฐบาลเร่งพิจารณาพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข พ.ศ..... ย้ำชัดหากภายใน 12 ตุลานี้ไม่มีความคืบหน้า จะปักหลักชุมนุมยืดเยื้อ นางปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา ผู้แทนเครือข่ายผู้ได้รับความเสียหายทางการแพทย์ กล่าวว่า
   การมาชุมนุมในวันนี้เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข พ.ศ.....โดยเร็ว เพราะการดำเนินการของรัฐบาลที่ผ่านมา ทั้งความพยายามที่จะให้มีการเจรจาระหว่างแพทย์และประชาชนล้มเหลว เพราะกลุ่มแพทย์ไม่ให้ความร่วมมือ และปฏิเสธร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวอย่างสิ้นเชิง มีการเดินออกจากห้องประชุม ทั้งที่ทางภาคประชาชนต้องการเจรจา
  ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทางฝ่ายรัฐบาลก็ไม่ได้มีมาตรการแก้ไข หรือหาทางออกใดๆเพิ่มเติม กลับปล่อยให้เวลาล่วงเลยมานานนับเดือน ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการรับบริการสาธารณสุขและญาติทุกคนมีความทุกข์ หากมีพ.ร.บ.ฉบับนี้ เมื่อเกิดความผิดพลาดขึ้นผู้เสียหายจะได้รับการชดเชยผ่านกองทุน ซึ่งเป็นการเยียวยาในเบื้องต้น ไม่ใช่ถูกเพิกเฉยหรือได้รับความไม่เป็นธรรมอย่างที่ผ่านมา พ.ร.บ.ฉบับนี้เป็นคุณกับทั้งสองฝ่าย ผู้ได้รับความเสียหายได้เงินเยียวยาชดเชย และแพทย์ได้รับการคุ้มครอง และเชื่อมั่นว่าหาก พ.ร.บ.ฉบับนี้ ประกาศใช้จะลดสถิติการฟ้องร้องแพทย์ได้อย่างแน่นอน และในวันเดียวกันนี้ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.สารี อ๋องสมหวัง ประธานมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค พร้อมด้วยเครือข่ายประชาชนกว่าพันคน ได้ยื่นหนังสือต่อนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และได้เคลื่อนขบวนมาสมทบกับกลุ่มเครือข่ายผู้ได้รับความเสียหายทางการแพทย์ที่ชุมนุมกันอยู่บริเวณหน้ารัฐสภาด้วย นางปรียนันท์ เปิดเผยต่อว่า หลังจากการชุมนุมและยื่นหนังสือต่อรัฐบาลในวันนี้ ไม่เป็นผลภายในวันที่ 12 ตุลาคมนี้ ตนและเครือข่ายทั้งหมด
  จะปักหลักชุมนุมยืดเยื้อที่บริเวณหน้ารัฐสภาจนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการทางการแพทย์เป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างผู้ป่วยและญาติ ตามมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ 1 ที่ให้มีการพัฒนานโยบายที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างผู้ป่วยและญาติกับบุคลากรทางการแพทย์เพื่อลดความขัดแย้งที่ลุกลามเป็นกรณีพิพาทและนำไปสู่การฟ้องร้อง
  โดยมีการเสริมสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนและพัฒนาระบบการดูแลสุขภาพที่มีหัวใจของความเป็นมนุษย์ไปพร้อมกันด้วย