กรุงเทพธุรกิจ นายวิชาญ อิงศรีสว่าง รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า จากรายงานของกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)พบว่ามีผู้ป่วยอาหารเป็นพิษจากการรับประทานไข่แมงดาทะเล ระหว่างปี 2556-2561 จำนวน 33 ราย เสียชีวิต 3 ราย โดยสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากผู้บริโภคขาดความรู้เรื่องพิษของแมงดาทะเล

แมงดาทะเลในน่านน้ำไทยมีอยู่ 2 ชนิด คือ
1. แมงดาจาน หรือแมงดาทะเลหางเหลี่ยม ไม่มีพิษ สามารถรับประทานได้ ลำตัวมีขนาดใหญ่กว่าแมงดาถ้วย พื้นผิวด้านบนเรียบ สีน้ำตาลอมเขียว มีหางเหลี่ยม มีสันและหนามเรียงกันเป็นแถวคล้ายฟันเลื่อย

2.แมงดาถ้วย หรือแมงดาทะเลหางกลม หรือเห-รา หรือแมงดาไฟ มีพิษ ไม่สามารถรับประทานได้ ลำตัวโค้งกลม มีหางกลม ผิวด้านบนมีขนสั้น สีน้ำตาลอมแดง ต่อจากส่วนท้องมีหางค่อนข้างกลมไม่มีสันและไม่มีหนาม

จากข้อมูลทางวิชาการพบว่า สารพิษที่พบอยู่ในเนื้อและไข่ของแมงดาถ้วยคือสารเทโทรโดท็อกซินและซาซิท็อกซิน  ซึ่งเป็นสารชนิดเดียวกันกับที่พบในปลาปักเป้า ส่งผลต่อระบบควบคุมการหายใจถึงขั้นเสียชีวิต ที่สำคัญสารพิษทั้ง 2 ชนิด ทนต่อความร้อน การปรุงอาหารด้วยความร้อนวิธีต่างๆ เช่น ต้ม ทอด หรืออบ เป็นเวลานานไม่สามารถทำลายสารพิษชนิดนี้ได้ ประชาชนจึงไม่ควรนำมาบริโภคอย่างเด็ดขาด

วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นหากได้รับพิษ ทำให้ผู้ป่วยหายใจคล่องที่สุด และรีบนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด หากผู้ป่วยหยุดหายใจ ให้ผายปอดจนกว่าจะถึงโรงพยาบาล โดยห้ามให้น้ำและยา




ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ