มติชน ฉบับวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2554 เมื่อ วันที่ 19 ธันวาคม

          นพ.สมเกียรติศิริรัตนพฤกษ์ ผู้อำนวยการสำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวถึงปัญหาการเผาซังข้าว และซากพืชในช่วงเข้าสู่ฤดูแล้งว่า แม้ขณะนี้จะเป็นช่วงฤดูหนาว แต่สิ่งที่ต้องระวังและต้องเตรียมการรับมือ คือ ช่วงฤดูแล้งประมาณเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม ซึ่งเป็นช่วงที่มีการเผาซากพืช โดย สธ.มีการเฝ้าระวังในเรื่องการเจ็บป่วยทางระบบทางเดินหายใจมาตลอด เนื่องจากช่วงดังกล่าว โดยเฉพาะการเผาซากพืชจะสุ่มเสี่ยงให้เกิดภาวะโรคระบบทางเดินหายใจได้ โดยในปี2553 พบรายงานผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมาประมาณ1 หมื่นราย จากสถานการณ์การป่วยยอดรวมระหว่างปี 2552-2553 ประมาณ 1 แสนราย โดยมีทั้งโรคหอบ หืด ปอดอักเสบเรื้อรัง ไอเรื้อรัง และระคายเคืองในระบบเรื้อรัง ไอเรื้อรัง และระคายเคืองในระบบทางเดินหายใจ

           นพ.สม เกียรติกล่าวต่อว่า เนื่องจากควันพิษจากการเผาป่า ยังเป็นปัญหาใหญ่ จึงอยากเตือนให้ประชาชนระวังสุขภาพให้ดีโดยหากอาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงหรือ พบเจอควันจากการเผาไหม้บ่อยๆ ให้มีการสวมหน้ากากอนามัยป้องกันการสูดควันพิษด้วยโดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้ เป็นภูมิแพ้ หรือหากบังเอิญไปสัมผัสควันพิษมา เช่นชาวนาที่ต้องทำการเผาซังข้าว ก็ควรที่จะใช้ผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าด้วย และควรเผาแบบสลับเวลา อย่าเผาติดต่อกันเพราะจะเพิ่มปัญหาควันพิษมากขึ้น

          “ยัง มีอีกประเด็นที่ต้องเฝ้าระวัง คือเรื่องของการก่อไฟในที่อับและไม่มีอากาศถ่ายเทด้วย โดยในปี 2553 พบก๊าซพิษคาร์บอนมอนอกไซด์จากไฟตะเกียง ซึ่งเป็นการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 7-8 ราย จึงอยากให้มีการเฝ้าระวังเรื่องนี้ด้วย โดยหากทนอากาศหนาวไม่ไหวก็ควรจะจุดไฟผิงในที่โล่งจะดีที่สุดแต่ต้องแน่ใจว่า ไม่ได้เป็นคนภูมิแพ้ เพราะนอกจากมีปัญหากับระบบทางเดินหายใจแล้ว ก็อาจเสี่ยงต่อการเกิดผื่นคันจากฝุ่นควันได้” นพ.สมเกียรติกล่าว