ศ.นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยหลังการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนญี่ปุ่น ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 15 ก.ค.นี้ ว่า เป็นการประชุมที่มีเป้าหมายสำคัญในการสร้างความร่วมมือด้านประกันสุขภาพและเตรียมพร้อมสู่สังคมสูงอายุในประเทศกลุ่มอาเซียน ซึ่งได้อภิปรายแลกเปลี่ยนใน 2 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ การประกันสุขภาพและการพัฒนาระบบสุขภาพสู่สังคมสูงอายุ โดยไทยและญี่ปุ่นได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจยกระดับความร่วมมือในระยะยาวสำหรับพัฒนาระบบสุขภาพสู่สังคมผู้สูงอายุ ปัจจัยความสำเร็จของการดำเนินงานด้านสาธารณสุขของประเทศไทย เกิดจากการสนับสนุนระดับนโยบายอย่างยั่งยืนความทุ่มเทของบุคลากรการบูรณาการระหว่างกระทรวงต่างๆที่เกี่ยวข้องและชุมชน รวมถึงการสนับสนุนจากครอบครัวและผู้ป่วย รัฐบาลไทยได้สร้างโอกาสการเข้าถึงบริการรองรับสังคมผู้สูงอายุ ได้อนุมัติงบประมาณ 600 ล้านบาท ในปี 2559 และ 900 ล้านบาท ในปี 2560 ให้หน่วยบริการกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่นบริหารและจัดสรรให้ผู้สูงอายุได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

รมว.สธ.กล่าวอีกว่า สธ.ได้จัดทำแนวทางและฝึกอบรมมาตรฐานสำหรับผู้ดูแลผู้สูงอายุที่ต้องพึ่งพาและจัดทำแผนการดูแลส่วนบุคคล ปัจจุบันผู้สูงอายุร้อยละ 20 หรือเกือบ 2 แสนคน ได้รับการดูแลจากผู้จัดการระบบการดูแลระยะยาวด้านสาธารณสุขในพื้นที่ นอกจากนี้ รัฐบาลได้บูรณาการการทำงานของ 4 กระทรวงด้วยยุทธศาสตร์ 3 S คือ 1.Strong การส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุให้แข็งแรง 2.Security  สร้างความมั่นคงปลอดภัยให้ผู้สูงอายุและ 3.Social Participation การมีส่วนร่วมในสังคม ให้ผู้สูงวัยมีคุณภาพชีวิตที่ดีอยู่ในสังคมอย่างมีศักดิ์ศรี บรรลุเป้าหมาย "ผู้สูงวัย คือหลักชัยของสังคม" การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่สนับสนุนประชาคมโลกให้มีสุขภาพดีเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพ โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง.