ปปช.เชียงราย ลงพื้นที่ตรวจสอบ ติดตาม เฝ้าระวังการจัดซื้อ จัดจ้าง ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อช่วยเหลือประชาชนกรณี “โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019”
เนื่องจากการแพร่ระบาดการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) ได้มีการแพร่กระจายและส่งผลกระทบต่อสุขภาพและชีวิตของประชาชนทั่วประเทศ จนรัฐบาลต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินใน ทุกเขตทั่วราชอาณาจักร ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2563 เพื่อป้องกัน ยับยั้งการแพร่ระบาดดังกล่าว โดยภาครัฐและเอกชนทุกภาคส่วนได้ระดมกำลังทั้งบุคลากรและงบประมาณเพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนและให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และได้มีการวางแนวทางเพื่อรองรับต่อสถานการณ์เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการจัดซื้อ จัดจ้างเพื่อให้ได้มาซึ่งพัสดุสำหรับการป้องกัน ควบคุม หรือรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เช่น หน่วยงานของรัฐสามารถใช้วงเงินในการจัดซื้อจัดจ้างแต่ละครั้งเป็นราคากลาง, องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถใช้งบประมาณในการช่วยเหลือประชาชนด้านการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตและการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ โดยใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบกลาง ประเภทเงินสำรองจ่าย และหมวดอื่นๆที่เกี่ยวข้องหรือเงินสะสมตามที่กระทรวงมหาดไทยได้อนุมัติให้

สถานการณ์การจัดซื้อจัดจ้างพัสดุดังกล่าว ทำให้สำนักงาน ป.ป.ช. ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการใช้จ่ายงบประมาณไปในทางที่ไม่สุจริต เกิดความเสียหายต่องบประมาณของแผ่นดิน เช่น มีการดำเนินการจัดซื้อในราคาแพงกว่าท้องตลาดหรือส่อไปในทางทุจริต ตรวจรับสินค้าอันเป็นเท็จ เบิกจ่ายเงินให้ผู้รับจ้างโดยยังไม่ได้รับสินค้า เป็นต้น ดังนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. โดย พลเอกบุณยวัจน์ เครือหงส์ กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะประธานกรรมการเฝ้าระวังและประเมินสถานการณ์การทุจริต จึงได้สั่งการให้สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค และสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ ดำเนินการติดตามและเฝ้าระวังการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด

ในส่วนของจังหวัดเชียงราย โดยสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดเชียงราย ภายใต้การนำของนายณภัทร เตโช ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดเชียงราย จึงสั่งการให้รวบรวมข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อป้องกัน ยับยั้งการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ผลการรวบรวมพบว่ามีการใช้จ่ายงบประมาณในการจัดซื้อจัดจ้างสูงถึง 30 ล้านบาท รวมกว่า 1,000 รายการ นอกจากนี้ยังสั่งการให้เจ้าหน้าที่ด้านป้องกันการทุจริตบูรณาการกับชมรม STRONG – จิตพอเพียงต้านทุจริตจังหวัดเชียงราย ลงพื้นที่ระหว่างวันที่ 8 – 17 กรกฎาคม 2563 เพื่อติดตามและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด โดยสุ่มเลือกจำนวน 28 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีวงเงินในการจัดซื้อจัดจ้างสูงหรือไม่มีรายละเอียดชัดเจนในชั้นของการรวบรวมข้อมูล ผลการลงพื้นที่ติดตามและเฝ้าระวังพบข้อมูล/ข้อสังเกต หลายประการดังนี้
1. มีการตรวจรับพัสดุไม่ตรงตาม TOR
2. ไม่มีการจัดทำราคากลางหรือที่มาของราคากลางไม่เป็นไปตามหนังสือสั่งการ/ระเบียบ/กฏหมายที่เกี่ยวข้อง
3. ไม่สามารถจัดหาพัสดุได้เนื่องจากกำหนดคุณสมบัติ/รายละเอียดคุณลักษณะของพัสดุที่เกินความจำเป็น หรือ กำหนดราคากลางจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่ต่ำมากจนไม่มีผู้ประกอบการสามารถเสนอ ราคาได้ เป็นผลให้ประชาชนไม่ได้รับการช่วยเหลือ
4. มีการจัดหาพัสดุ แต่ไม่มีการนำเอาพัสดุนั้นไปใช้ประโยชน์ ทำให้สงสัยได้ว่ามีการนำเอางบประมาณของรัฐไปจัดซื้อโดยไม่มีความจำเป็น
5. พัสดุบางรายการมีราคาสูงมาก เมื่อเทียบกับราคาท้องตลาดหรือการจัดซื้อพัสดุชนิดเดียวกันขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นๆ (ในระยะเวลาจัดซื้อที่ใกล้เคียงกัน)
6. การตีความชนิดของพัสดุว่าเป็นครุภัณฑ์หรือวัสดุที่แตกต่างกันในแต่ละองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งที่เป็นสินค้าชนิดเดียวกัน
7. มีการจัดซื้อพัสดุบางรายการจากผู้ขายที่ไม่มีอาชีพในการขายพัสดุชนิดนั้น
8. ผู้เสนอจำหน่ายพัสดุมีความเกี่ยวข้องกัน หรือ เป็นบุคคลคนเดียวกันแต่ใช้ชื่อห้างร้านแตกต่างกัน
9. พัสดุที่จัดซื้อได้ ปรากฏบนฉลากสินค้าว่าเป็นสินค้าของอีกห้างร้าน ซึ่งเป็นห้างร้านที่เสนอราคาเข้าร่วมแข่งขันด้วย
หลังจบภารกิจแต่ละครั้ง คณะผู้ติดตามตรวจสอบได้รายงานให้คณะกรรมการ ปปช.ส่วนกลาง เพื่อทราบและเฝ้าระวังตรวจสอบ อปท.ที่มีความเสี่ยงต่อไป.