สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย สั่งการให้ทุกพื้นที่ เข้มมาตรการป้องกันควบคุมโรคไข้เลือดออก ทั้งการเฝ้าระวังโรค วินิจฉัยและรักษาเร็ว ให้คลินิก/ร้านขายยา แนะนำผู้ป่วยสงสัยไข้เลือดออกไปโรงพยาบาล ควบคุมโรคเร็วตั้งแต่พบผู้ป่วยรายแรก จัดระบบแพทย์เชี่ยวชาญให้คำปรึกษา และให้ความรู้ประชาชน เน้นมาตรการ “ 3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค ” ที่มียุงลายเป็นพาหะนำโรค

เมื่อเวลา 09.00 น. ของวันที่ 15 มิถุนายน 2561 นายแพทย์ทศเทพ บุญทอง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้เป็นช่วงฤดูฝน จะพบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกเพิ่มขึ้น ซึ่งในปีนี้มีแนวโน้มจะเกิดการระบาดของโรค พื้นที่เสี่ยงอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลางตอนบน โดยรูปแบบการระบาดเปลี่ยนไปมีการเสียชีวิตในผู้ใหญ่มากขึ้น ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขในปีนี้ ตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม - 12 มิถุนายน 2561 มีรายงานผู้ป่วย 17,302 ราย เสียชีวิต 21 ราย ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่ มีโรคประจำตัว ได้แก่ ภาวะอ้วน เบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และโรคเลือด สำหรับสถานการณ์โรคของจังหวัดเชียงราย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 11 มิถุนายน 2561 มีรายงานผู้ป่วย 246 ราย ไม่มีรายงานผู้ป่วยเสียชีวิต อำเภอที่มีอัตราป่วยสูง 5 อันดับ ได้แก่ อ.แม่สรวย อ.แม่สาย อ.เวียงป่าเป้า อ.แม่ฟ้าหลวง และ อ.เมือง
โดยทั้งนี้ได้สั่งการให้สถานบริการสาธารณสุขทุกแห่ง เร่งประชาสัมพันธ์ รณรงค์ให้ประชาชนร่วมกำจัดแหล่งเพาะพันธ์ยุงลายในพื้นที่เสี่ยง 6 ร ได้แก่ โรงเรือนบ้านพักอาศัย, โรงพยาบาล, โรงเรียน/ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก, โรงธรรม ( วัด/โบสถ์/มัสยิด ), โรงงาน และโรงแรม/รีสอร์ท ซึ่งเป็นวิธีป้องกัน โรคไข้เลือดออกที่ดีที่สุด ใช้มาตรการ “ 3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค” คือ 1. เก็บบ้านให้สะอาด โปร่งโล่งไม่ให้มีมุมอับทึบ เป็นที่เกาะพักของยุง 2. เก็บขยะ เศษภาชนะรอบบ้าน ทำต่อเนื่องสัปดาห์ละครั้ง และ 3. เก็บน้ำ ภาชนะใส่น้ำ ต้องปิดฝาให้มิดชิด หรือปล่อยปลากินลูกน้ำ/ใส่ทรายกำจัดลูกน้ำ เพื่อป้องกัน 3 โรค คือโรคไข้เลือดออก โรคติดเชื้อไวรัสซิกา และโรคไข้ปวดข้อยุงลาย

นพ.ทศเทพฯ ยังได้กล่าวต่อไปว่า อาการของโรคไข้เลือดออกนั้น เมื่อได้รับเชื้อจากยุงประมาณ 5 – 8 วัน ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูงลอย อุณหภูมิ 38.5 – 40.0 องศาเซลเซียส ติดต่อกัน 2 – 7 วัน อาการทั่วไปคล้ายเป็นหวัด แต่มักไม่ไอ ไม่มีน้ำมูก หน้าแดง ปวดศีรษะ บางรายอาจมีปวดท้อง อาเจียน มีจุดแดงเล็กๆ ตามแขน ขา ลำตัว หากมีอาการไข้สูง 2 วัน กินยาลดไข้แล้วไข้ไม่ลด ขอให้รีบไปพบแพทย์ ในการดูแลช่วงที่ป่วย ให้ดื่มน้ำผลไม้ น้ำเกลือแร่บ่อยๆ เช็ดตัวเพื่อลดไข้ รับประทานอาหารอ่อนๆ งดอาหารที่มีสีคล้ายเลือด และกินยาตามแพทย์สั่ง ห้ามกินยาแอสไพรินหรือไอบูโปรเฟน เพราะจะทำให้เลือดออกง่ายขึ้น ที่สำคัญคือในช่วงไข้ลด ประมาณวันที่ 3 – 4 ของการป่วยจะต้องเฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิด เพราะอาจเกิดภาวะช็อคได้ สัญญาณอันตรายคือ ผู้ป่วยจะซึม อ่อนเพลียมาก กระสับกระส่าย มือเท้าเย็น ชีพจรเต้นเบา เร็ว ปวดท้องกะทันหัน กระหายน้ำ ปัสสาวะน้อยลง เลือดกำเดาไหล อาเจียนเป็นเลือด อุจจาระเป็นสีดำ ขอให้รีบนำส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที เพื่อลดการเสียชีวิตของผู้ป่วย. สุนี บุญอนันต์ นักข่าวสุขภาวะ ภาคเหนือ รายงาน