ระดมภาคีเครือข่ายสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ จากทั่วประเทศขับเคลื่อนงานพัฒนานโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพแบบมีส่วนร่วมภายใต้แนวคิดหลัก “สานพลังปัญญาและภาคี สร้างวิถีสุขภาวะไทย” เพื่อกำหนดร่างระเบียบวาระพิจารณาในการประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 8 ที่อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี
เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2558 เวลา 09.00 น. พลเรือเอกณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายเจษฏา มิ่งสมร ประธานกรรมการจัดสมัชชาแห่งชาติ พ.ศ. 2558 ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องจากสถาบันการศึกษา จากมหาวิทยาลัย องค์กรอิสระ ภาครัฐ และภาคประชาชนกว่า 2,600 คน จาก 250 เครือข่ายมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 8/2558 ระหว่างวันที่ 21 – 23 ธันวาคม 2558 ณ ห้องแกรนด์ไดมอนด์บอลรูม อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี โดยมีภาคีเครือข่ายสมัชชาสุขภาพแห่งชาติทุกภาคส่วนทั่วประเทศ ร่วมระดมกำหนดร่างระเบียบวาระเพื่อพิจารณาในการประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ พิจารณาระเบียบวาระและการหาฉันทามติ การผลักดันมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติสู่การปฏิบัติ หลังมีการรับรองร่างมติในที่ประชุมใหญ่ เพื่อนำเสนอต่อ คสช.ตามมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 เพื่อพิจารณาดำเนินการให้บรรลุผลในแต่ละกรณีต่อไป
โดยตลอดทั้ง 3 วัน จัดให้มีการรับฟังแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการขับเคลื่อนงานพัฒนานโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพแบบมีส่วนร่วมภายใต้แนวคิดหลัก “สานพลังปัญญาและภาคี สร้างวิถีสุขภาวะไทย” ด้วยคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งเป็นกฎหมายที่ให้ความสำคัญกับกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในสังคม โดยมีการประชุมเพื่อพิจารณาตามระเบียบวาระ รวมทั้งรับฟังความคิดเห็นจากกลุ่มเครือข่ายสมาชิก จำนวน 6 วาระใหญ่ๆ ได้แก่
1. วิกฤติการณ์เชื้อแบคทีเรียดื้อยา และการจัดการปัญหาแบบบูรณาการ ขอให้หน่วยงานด้านกฎหมายแก้ไขกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับการแก้ไขปัญหา ไม่ว่าจะเป็น การนำเข้า การขึ้นทะเบียน ควบคุมการกระจาย การเข้าถึงยาคน ยาสัตว์ ยาพืช โดยให้ สสส. ร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ สร้างความตระหนักรู้ และสร้างความแตกฉานด้านสุขภาพแก่สังคม และผลิตบุคลากรในสาขาเทคนิคการแพทย์ด้วย เพราะเป็นผู้มีบทบาทอย่างสูงในการหาเชื้อดื้อยา
2. สุขภาวะชาวนา การสร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายองค์กรชาวนา มีตัวแทนสมัชชาสุขภาพจังหวัดหลายจังหวัดขอแก้ไขและเพิ่มเติมร่างมติ เช่น สมัชชาจังหวัดเชียงรายขอเพิ่มมติอีกข้อให้มีการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมและพัฒนาเกษตรอินทรีย์ โดยจัดเก็บภาษีจากการจำหน่ายสารเคมีทางการเกษตร
3. ระบบสุขภาพเขตเมือง การพัฒนาระบบบริการสุขภาพอย่างมีส่วนร่วม สำหรับเขตเมือง ตัวแทนจากกลุ่มขับเคลื่อนนโยบายสิทธิเอชไอวีและภูมิปัญญาท้องถิ่น เสนอให้แยกมติที่เป็นเขตเมือง กทม. ออกจากกันกับเขตเมืองต่างจังหวัด เพราะเป็นบริบทที่ต่างไปจากกันโดยสิ้นเชิง
4. นโยบายการลดบริโภคเกลือและโซเดียม เพื่อลดโรคไม่ติดต่อ (NCDs) มีการอภิปรายจากเครือข่ายในหลากหลายและไปในทางเดียวกันมากที่สุด เสนอให้ อย. ปรับฉลากอาหารในลักษณะไฟจราจร เพื่อผู้บริโภค รวมถึงเด็กและผู้สูงอายุ มองเห็นได้ชัดเจนและง่ายขึ้น
5. ทบทวนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ การจัดการปัญหาหมอกควันที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ หลายจังหวัด โดยเฉพาะภาคเหนือบน ที่มีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน มักมีการเผาเพื่อทำการเกษตรจากชาวบ้านพื้นที่สูง ต้องมีการพูดคุยกันในระดับพื้นที่ แต่ต้องไม่ไปกระทบกับวิถีชีวิตของพวกเขา
6. รายงานการติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานตามมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ
ซึ่งแต่ละระเบียบวาระมีความแตกต่างกันในเชิงเนื้อหา และความหลากหลายของผู้สนใจ ผ่าน สำหรับลานสมัชชาและซุ้มนิทรรศการ ก็มีภาคีเครือข่ายหลายองค์กรเข้าร่วมกิจกรรม โดยในวันสุดท้ายของการประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ได้มีปาฐกถาพิเศษ โดย ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเวศ วะสี 6 ข้อยาแรง สร้างความสุขประดุจนิพพาน พร้อมกันได้มีการส่งมอบประธานกรรมการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 9 พ.ศ. 2559 – 60 ให้กับ นพ. ศุภกิจ ศิริลักษณ์ ผู้ตรวจราชการ กระทรวงสาธารณสุข ผู้จะเป็นประธานจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติในครั้งต่อไป และเสียงเพลง เราคือใบไม้ต้นเดียวกัน จบลงพร้อมพิธีปิด. สุนี บุญอนันต์ นักข่าวสุขภาวะ จ.เชียงราย รายงาน