คําแนะนําประชาชน เรื่อง การป้องกันโรคตดิเชื้อไวรัสอีโบลา
จากกรณีพบการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาในประเทศแถบแอฟริกาตะวันตก ถึงแม้โรคนี้ยังไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย แต่อาจมีประชาชนบางกลุ่ม รวมถึงนักท่องเที่ยวเดินทาง ไปในประเทศที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา ดังนั้น เพื่อให้ประชาชนทั่วไป และผู้เดินทางไปยัง ต่างประเทศ มีความรู้ในการป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากโรคดังกล่าว กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จึงขอให้คําแนะนําแก่ประชาชน เรื่อง การป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาสําหรับผู้เดินทางไปต่างประเทศ นักท่องเที่ยว ผู้ประกอบการท่องเที่ยว และประชาชนทั่วไป ดังนี้

1. ติดตามข้อมูลข่าวสารที่เป็นทางการจากกระทรวงสาธารณสุข
2. ไม่สัมผัสสัตว์ป่าที่นําเข้ามาโดยไม่ผ่านการตรวจโรคทั้งที่ป่วยหรือไม่ป่วย
3. ไม่รับประทานสัตว์ป่าทุกชนิด โดยเฉพาะสัตว์จําพวกลิง หรือค้างคาว หรืออาหารเมนูพิสดารที่ใช้ สัตว์ป่า หรือสัตว์แปลกๆ มาประกอบอาหาร

คําแนะนําสําหรับผู้ที่เดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา
1. หลีกเลี่ยงหรือชะลอการเดินทางไปในประเทศที่มีการระบาด (ขณะนี้มี 4 ประเทศ ได้แก่ กินี ไลบีเรีย เซียร์ร่าเลโอน และเมืองลากอส ประเทศไนจีเรีย)
2. ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ป่าทุกชนิด หรืออาหารเมนูพิสดารที่ใช้สัตว์ป่า หรือสัตว์แปลกๆ มาประกอบ อาหาร
3. ไม่สัมผัสสัตว์ป่าทุกชนิด โดยเฉพาะสัตว์จําพวก ลิง หรือค้างคาว
4. หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารคัดหลั่ง เช่น เลือด น้ําเหลือง หรือสิ่งของเครื่องใช้ของผู้ป่วยที่อาจปนเปื้อน กับสารคัดหลั่งของผู้ป่วย หรือศพของผู้ป่วยที่เสียชีวิต
5. หลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรงกับผู้ป่วย หากมีความจําเป็นให้สวมอุปกรณ์ป้องกันร่างกาย และล้างมือ บ่อยๆ ด้วยน้ําและสบู่ให้สะอาด
6. ไม่ล้วงแคะแกะเกา และขยี้ตา ด้วยมือที่ยังไม่ได้ล้างให้สะอาด
7. ไม่มีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่ใช่คู่นอน หรือคู่รัก
8. ไม่ซื้อยากินเอง เวลาเจ็บป่วยด้วยอาการไข้
9. หากมีอาการป่วย เช่น มีไข้สูง อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ เจ็บคอ อาเจียน ท้องเสีย และมี ผื่นนูนแดงตามตัว ให้รีบพบแพทย์ทันทีพร้อมแจ้งประวัติการเดินทาง

องค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาในแอฟริกาตะวันตกเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ (Public Health Emergency of International Concern ; PHEIC) แต่อย่างไรก็ตาม องค์การอนามัยโลก ไม่แนะนําให้จํากัดการเดินทางหรือการค้าระหว่างประเทศ สําหรับประเทศไทย ยังมีความเสี่ยงในระดับที่ต่ํามาก เนื่องจากผู้ที่ติดเชื้อส่วนใหญ่ มีการติดเชื้อ โดยตรงจากการสัมผัสกับของเหลวในร่างกาย หรือสารคัดหลั่งของผู้ป่วย หรือศพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน โรงพยาบาล จากการใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ (เข็มและหลอดฉีดยา) ที่ปนเปื้อนเชื้อ รวมถึงไม่มีการป้องกัน เมื่อมีการสัมผัสกับสารคัดหลั่งที่ติดเชื้อ