กำหนดการประชุมสานพลังขับเคลื่อนการปฏิรูประบบสุขภาพ ภายใต้การปฏิรูปประเทศไทย วันที่ 29 พฤษภาคม 2558

เปิดการประชุม ชี้แจงวัตถุประสงค์การประชุม และความเชื่อมโยงกับ
มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ ๖ พ.ศ.๒๕๕๖
มติ ๘ การปฏิรูประบบสุขภาพ ภายใต้การปฏิรูปประเทศไทย
โดย นพ.ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ


สืบเนื่องจาก หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้ให้ความเห็นชอบต่อมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ ๖ พ.ศ. ๒๕๕๖ มติ ๘ การปฏิรูประบบสุขภาพ ภายใต้การปฏิรูปประเทศไทย และให้เสนอมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาตินี้ ต่อสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ นั้น

๑.๒ จากสถานการณ์การปฏิรูปประเทศไทย ได้กล่าวถึงแนวทางการพัฒนาการปฏิรูประบบสุขภาพ และระบบสาธารณสุขในหลายส่วน อาทิ
๑.๒.๑ ยุทธศาสตร์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ ๑ การสร้างความเป็น
ธรรมในสังคม กลยุทธ์ที่ ๑ การจัดบริการทางสังคมตามสิทธิขั้นพื้นฐาน (การเข้าถึงระบบบริการสาธารณสุขของประชาชน) ยุทธศาสตร์ ๒ การพัฒนาคนสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างยั่งยืน กลยุทธ์ที่ ๒ การสร้างความรู้ให้กับประชาชนมีภูมิคุ้มกันต่อปัญหาด้านสาธารณสุข และกลยุทธ์ที่ ๓ การเสริมสร้างและพัฒนาสุขภาพของประชาชน
๑.๒.๒ การจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ ได้แก่
รัฐธรรมนูญ หมวดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล
มาตรา ๕๘ พลเมืองย่อมมีสิทธิในด้านสาธารณสุขตามที่กฎหมายบัญญัติ
มาตรา ๕๙ พลเมืองย่อมมีสิทธิเข้าถึงและได้รับบริการสาธารณะของรัฐที่จัดให้อย่างต่อเนื่อง ทั่วถึงและเท่าเทียมกัน โดยต้องมีการปรับปรุงให้ทันสมัยอยู่เสมอ
มาตรา ๖๒ พลเมืองย่อมมีสิทธิได้รับข้อมูล คำชี้แจง และเหตุผลจากรัฐ ก่อนการอนุญาตหรือการดำเนินโครงการหรือกิจกรรมใดที่อาจมีผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพ คุณภาพชีวิต หรือส่วนได้เสียสำคัญอื่นใดที่เกี่ยวกับตนหรือชุมชน และมีสิทธิแสดงความคิดเห็นของตนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำไปประกอบการพิจารณาในเรื่องดังกล่าว
มาตรา ๖๔ สิทธิของพลเมืองที่จะมีส่วนร่วมกับรัฐและชุมชนในการได้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพอย่างเป็นธรรม ...เพื่อให้ดำรงชีพอยู่ได้อย่างปกติและต่อเนื่องในสิ่งแวดล้อมที่ดีและไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ สวัสดิภาพ หรือคุณภาพชีวิตของตน ย่อมได้รับความคุ้มครอง การดำเนินโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพจะกระทำมิได้ เว้นแต่จะได้ศึกษาและประเมินผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนในชุมชนโดยบุคคลซึ่งมิได้มีส่วนได้เสีย และในกรณีที่มีการประเมินสิ่งแวดล้อมในระดับยุทธศาสตร์ต้องพิจารณาให้สอดคล้องกันด้วย ...


รัฐธรรมนูญ หมวด แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ
มาตรา ๘๖ รัฐต้องจัดและส่งเสริมให้ประชาชนได้รับบริการสาธารณสุขที่เหมาะสม ทั่วถึง มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และได้รับสิทธิประโยชน์ขั้นพื้นฐานอันจำเป็นอย่างเท่าเทียมกัน ฯ
มาตรา ๙๓ รัฐต้องสร้างความมั่นคงทางพลังงาน กำกับดูแลให้มีการประกอบการและการใช้ประโยชน์จากพลังงานและพลังงานทดแทนอย่างได้มาตรฐาน มีประสิทธิภาพ เป็นธรรม และคุ้มค่า โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ...

รัฐธรรมนูญ หมวด การปฏิรูป
มาตรา ๒๘๗ (๒) ปรับปรุงกลไกในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยการพัฒนาระบบและโครงสร้างการจัดทำรายงานประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม การประเมินผลกระทบต่อสุขภาพ ระบบกองทุนด้านสิ่งแวดล้อม ...
มาตรา ๒๘๘ (๒) ปรับปรุงให้การสำรวจ การผลิต และการใช้ปิโตรเลียมหรือพลังงานอื่นใด ต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพสิ่งแวดล้อม รวมทั้งวิถีชีวิตและสุขภาพของประชาชนและชุมชน
มาตรา ๒๙๔ ให้มีการปฏิรูปด้านสาธารณสุขตามแนวทาง ดังนี้ (๑) เร่งพัฒนาระบบสุขภาพที่ให้ความสำคัญต่อการจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิที่เน้นพื้นที่เป็นฐานและมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ... (๒) ปฏิรูปการบริหารจัดการระบบหลักประกันสุขภาพรวมถึงการเงินการคลังของกองทุนสุขภาพให้มีลักษณะและมาตรฐานใกล้เคียงกัน มีความเสมอภาคและเป็นธรรม เพียงพอและยั่งยืน โดยเน้นการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่ายในการอภิบาลระบบ ... (๓) ควบคุมค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพด้วยการส่งเสริมให้ประชาชนสามารถมีข้อมูลพื้นฐานในการดูแลตนเอง (๔) ให้มีการพัฒนากลไกการกำกับดูแลระบบสุขภาพและการให้บริการสุขภาพในระบบเศรษฐกิจแบบตลาดที่เป็นธรรม ... (๕) ปฏิรูประบบการผลิตและการกระจายบุคลากรทางการแพทย์ไปสู่ชนบท โดยส่งเสริมการผลิตบุคลากรทางการแพทย์ผ่านสถาบันการศึกษาของรัฐและเอกชน
๑.๒.๓ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) โดยคณะกรรมาธิการสาธารณสุข ได้จัดทำข้อเสนอการ
ปฏิรูประบบสาธารณสุข จำนวน ๔ เรื่อง ได้แก่ ๑) การปฏิรูประบบบริการสุขภาพ ๒) การปฏิรูประบบสร้างเสริมสุขภาพ ป้องกันและควบคุมโรค และภัยคุกคามสุขภาพ ๓) การปฏิรูประบบบริหารจัดการด้านสุขภาพ และ ๔) การปฏิรูประบบการเงินด้านสุขภาพ
๑.๒.๔ มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ ๖ พ.ศ.๒๕๕๖ มติ การปฏิรูประบบสุขภาพ ภายใต้การปฏิรูปประเทศไทย โดยสาระในมติฯ ได้เสนอให้ คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) พิจารณานำกลไกและกระบวนการสมัชชาสุขภาพ และเครื่องมืออื่น ๆ สำหรับการพัฒนานโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพแบบมีส่วนร่วมไปปรับใช้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศไทย นำมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ ๑-๖ จำนวน ๕๙ มติ มติสมัชชาสุขภาพเฉพาะประเด็น ๖ มติ ข้อเสนอต่างๆ ของคณะกรรมการปฏิรูป (คปร.) และมติสมัชชาปฏิรูประดับชาติครั้งที่ ๑-๓ พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๖ จำนวน ๒๑ มติ ไปขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมในทุกระดับภายในกรอบเวลาที่เหมาะสมและชัดเจน รวมทั้งนำ “หลักการ ทิศทาง และแนวทางสำคัญของการปฏิรูประบบสุขภาพ ภายใต้การปฏิรูปประเทศไทย” ซึ่งกล่าวถึง แนวทางสำคัญของการปฏิรูประบบสุขภาพ ไว้ ๕ ประการ ได้แก่ ๑) ระบบสร้างเสริมสุขภาพ ป้องกันโรคและการจัดการกับภัยคุกคามสุขภาพ ๒) การปฏิรูประบบบริการสุขภาพ ๓) การปฏิรูประบบการผลิตและพัฒนาบุคลากรด้านสุขภาพ ๔) การปฏิรูประบบการเงินการคลังและระบบหลักประกันด้านสุขภาพ และ ๕) การปฏิรูปการอภิบาลระบบสุขภาพและการพัฒนานโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพ เพื่อตอบสนองต่อการปฏิรูประบบสุขภาพ และการปฏิรูปประเทศไทย ซึ่งเมื่อวันที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) มีมติเห็นชอบมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาตินี้ และได้มีมติต่อข้อเสนอการปฏิรูประบบสุขภาพ : การจัดตั้งเขตสุขภาพเพื่อประชาชน ทั้งเห็นชอบหลักการในการจัดตั้งเขตสุขภาพเพื่อประชาชน และการแต่งตั้งคณะทำงานพัฒนารูปแบบการจัดตั้งเขตสุขภาพเพื่อประชาชน

ดังนั้น เพื่อให้เกิดการสานพลังการขับเคลื่อนการปฏิรูประบบสุขภาพ ภายใต้การปฏิรูปประเทศไทย ที่มีหลายส่วนดำเนินการอยู่ จึงเป็นการสมควรที่จะได้มีการแลกเปลี่ยน เชื่อมโยงข้อมูล เตรียมความพร้อม และเตรียมการปฏิรูประบบสุขภาพให้เป็นไปในทิศทางที่เหมาะสม สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ในฐานะแกนกลางประสานหน่วยงานทุกภาคส่วน จึงได้จัดให้มีการประชุมสานพลังขับเคลื่อน “การปฏิรูประบบสุขภาพ ภายใต้การปฏิรูปประเทศไทย” ขึ้น