จาก 'เด็กอ้วน' สู่ 'ผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง'

ขณะนี้มีเด็กวัยเรียนเป็นโรคอ้วนร้อยละ 17 ทั้งยังพบว่ามีแนวโน้มที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย ปัญหานี้ได้รับความสนใจจากหลายฝ่าย เนื่องจาก โรคอ้วน เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลให้เกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังในอนาคต ที่ส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพประชาการ และงบประมาณของรัฐที่ใช้รักษาโรคนี้

เวทีเสวนา "เด็กอ้วน มหันตภัยสู่โรคอนาคต" จัดโดย คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ หรือ สช. ประเด็นหนึ่งที่ได้รับความสนใจ ผลกระทบจากโรคอ้วนที่ส่งผลให้เกิด โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ เอ็นซีดี ได้แก่ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง และโรคหัวใจ ซึ่งล้วนเป็นปัญหาที่ผู้อำนวยการสำนักวิจัยนโยบายสร้างเสริมสุขภาพ บอกว่า เป็นเสมือนระเบิดเวลา ที่กระทบต่อคุณภาพประชากร และงบประมาณของรัฐสำหรับรักษาพยาบาล

ขณะที่ รองเลขาธิการ สช. บอกว่า โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เป็นปัญหาที่องค์การอนามัยโลก ให้ความสำคัญ ซึ่งในประเทศไทยใช้กลุ่มโรคดังกล่าว เป็นตัวชี้วัดผลการแก้ปัญหาโรคอ้วน

แนวโน้มของเด็กวัยเรียนที่เป็นโรคอ้วนเพิ่มสูงขึ้นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ สช. สร้างกลไกการแก้ปัญหาด้วยการจัดทำมติสุขภาพแห่งชาติ เพื่อสร้างความร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่าย ให้ช่วยกันแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ทั้งบ้าน ชุมชน และโรงเรียน

เช่นที่โรงเรียนผาสุกมณีจักร จังหวัดนนทบุรี ซึ่งพบเด็กอ้วนกว่า 60 คน จากนักเรียนทั้งหมด 900 คน จึงจัดโครงการแก้รณรงค์แก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง เช่น การให้ความรู้ ควบคุมโภชนาการของนักเรียน และเสริมสร้างการออกกำลังกาย ด้านกรมอนามัย ตั้งเป้าลดภาวะอ้วนในเด็กวัยเรียน ให้เหลือร้อยละ 15 ภายในปี 2556