อภิสิทธ์ชี้ต้องลดความเหลื่อมล้ำ 3 กองทุน แนะคสช.หาทางออก สร้างความเป็นธรรมในระบบหลักประกันสุขภาพ มอบสช.ศึกษาการตั้งกลไกเฉพาะเพื่อปรับระบบหลักประกันสุขภาพ วันนี้ (28 ธันวาคม 2552)
  นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อระดมสมองค้นหาประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องในระบบสุขภาพที่ควรพัฒนาเป็นข้อเสนอเชิงนโยบาย ของคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งมีหน้าที่ตามกฎหมายสุขภาพแห่งชาติ มาตรา ๒๕ (๒) ที่ให้ “เสนอแนะหรือให้คำปรึกษาต่อคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านสุขภาพ”
   ซึ่งถือเป็นบทบาทหน้าที่ที่สำคัญในการเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพและหนุนเสริมการสร้างสุขภาวะของประเทศที่มีขอบเขตกว้างขวางและสลับซับซ้อน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า งานที่เกี่ยวข้องกับระบบสุขภาพเป็นเรื่องที่กว้าง และมีความจำเป็นที่จะต้องดูภาพรวมให้ครบถ้วน ครอบคลุม แต่ในแง่ของประชาชนปฏิเสธไม่ได้ว่าโดยมากยังเน้นเรื่องของการให้บริการรักษาพยาบาลเป็นเรื่องหลักในส่วนของระบบสุขภาพ เป็นที่ทราบกันดีว่า ทุกประเทศทั่วโลกล้วนประสบปัญหาเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล เพราะต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการรักษาพยาบาลนั้นจะเพิ่มขึ้นไม่สิ้นสุด เนื่องจากเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่ต้องการจะรักษาชีวิตจากของตนเองและของผู้อื่นอย่างเต็มกำลังความสามารถ และเทคโนโลยีก็จะมีการพัฒนาก้าวหน้าอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าประเทศของเราจะมีการประกันสุขภาพอยู่ด้วยกันถึง 3 ระบบหลัก คือ ระบบสวัสดิการราชการ ระบบประกันสังคม และระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งในแต่ละระบบก็ยังคงมีปัญหาที่ผู้ใช้บริการนั้นยังพูดถึงอยู่ ทั้งนี้ระบบสวัสดิการข้าราชการมีค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้นทุกปี
   ประมาณการว่าอาจมีการใช้งบประมาณมากกว่ากองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือบัตรทองถึง 10 เท่าตัว ปัญหาส่วนหนึ่งมาจากการใช้ยา ซึ่งพบว่ามีการใช้ยาราคาแพงในโรงพยาบาลหลายแห่ง ส่วนระบบประกันสังคมนั้น สิทธิของผู้ประกันตนที่พึงได้ไม่ควรจะด้อยกว่าในระบบหลักประกันสุขภาพอื่นๆ ทั้งนี้เพราะผู้ประกันตนเป็นผู้เสียภาษี ซึ่งนำมาใช้ในกองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งผู้ประกันตนไม่ได้รับสิทธินั้น และยังต้องจ่ายเงินเพื่อสบทบกองทุนทุกๆเดือน จึงไม่มีเหตุผลใดๆที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ด้านการรักษาพยาบาลด้อยกว่าระบบประกันสุขภาพอื่นๆ และการให้สิทธิรักษาพยาบาลแก่ผู้ประกันตนนี้ไม่มีผลกระทบกับความมั่นคงของกองทุน แต่เกี่ยวข้องกับสิทธิของผู้สูงอายุมากกว่า
   สำหรับระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า รัฐบาลได้เพิ่มเงินต่อหัวประชากรให้อีก แม้มีปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ ในการประชุมคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ เห็นว่าการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำของระบบหลักประกันสุขภาพ ต้องปรับให้สิทธิขั้นพื้นฐานในการรักษามีความเท่าเทียมกัน และออกแบบระบบการเงินให้เหมาะสม และเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมากนับเป็นวาระแห่งชาติที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกัน ในที่สุดที่ประชุมเห็นชอบให้เสนอรัฐบาลจัดตั้งกลไกเฉพาะเพื่อพัฒนาข้อเสนอการออกแบบและจัดการระบบหลักประกันสุขภาพเพื่อปรับระบบหลักประกันสุขภาพทั้ง 3 ระบบ รวมถึงพ.ร.บ. ผู้ประสบภัยจากรถ โดยมอบให้สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ร่วมกับสถาบันวิจัยระบบสาธารณะสุข(สวรส.)พัฒนาข้อเสนอให้ชัดเจน และนำเสนอต่อที่ประชุมครั้งต่อไปในเดือนกุมภาพันธ์ 2553