การเพาะปลูกกล้วยหอมเขียวกรณีจีนเช่าที่ดินไทยกว่า 2 พันไร่ ที่เชียงราย

ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เขตตรวจราชการที่ 15 ภาคเหนือ พร้อมคณะลงพื้นที่ติดตามปัญหาภัยแล้งและการปลูกกล้วยหอมเขียวจากจีนเช่าที่ดินไทยกว่า 2 พันไร่ ในพื้นที่อำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย

เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 19 เมษายน 2559 นางสุดารัตน์ วัชรคุปต์เหล่าวิชยา ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เขตตรวจราชการที่ 15 ภาคเหนือ พร้อมคณะเดินทางไปตรวจปัญหาภัยแล้ง ที่อำเภอพญาเม็งราย และเข้าตรวจสอบ สวนกล้วยหอมของบริษัท หงต๋า อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด กลุ่มทุนจากประเทศจีน เข้ามาเช่าที่ดิน 2,700 ไร่ จากบริษัท ภาสวัฒน์ จำกัด โดยมีนายภูเบศร์ จูละยานนท์ นายอำเภอพญาเม็งราย พันจ่าเอกเทวัญ ธนมาลารัตน์ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดเชียงราย ชลประทานจังหวัดเชียงราย และเกษตรอำเภอพญาเม็งราย นำเข้าตรวจสภาพการดำเนินการพบว่ามีการปลูกกล้วยหอมไปแล้ว 820 ไร่ เก็บผลผลิตได้แล้ว 200 ไร่ ส่งออกจีนตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 มีนาคม2559 ถึงปัจจุบัน 19 ตู้คอนเทนเนอร์ และพบว่าสวนกล้วยแห่งนี้มีการใช้น้ำจำนวนมาก ในการหล่อเลี้ยงต้นกล้วย และระบบการทำความสะอาดผลกล้วย ก่อนบรรจุลงกล่องเพื่อส่งขายทำให้สวนกล้วยมีการสูบน้ำในแม่น้ำอิง โดยระบุว่าน้ำจากบ่อบาดาลที่ขุดเจาะ 4 บ่อ ยังไม่พอใช้ เจ้าหน้าที่จะได้เข้าไปดูแลแก้ไขปัญหาไม่ให้กระทบต่อประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงแล้ว

นางสุดารัตน์ วัชรคุปต์เหล่าวิชยา ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เขตตรวจราชการที่ 15 ภาคเหนือ กล่าวว่า การทำพื้นที่การเกษตรขนาดใหญ่ส่งผลให้มีปัญหาเกิดขึ้นได้ในอนาคต และพบว่า สวนกล้วยแห่งนี้จำเป็นต้องดึงน้ำจากแม่น้ำอิงมาใช้ ซึ่งเป็นการสวนทางนโยบายของรัฐบาล ที่จะแก้ไขปัญหาภัยแล้งในขณะนี้ โดยการที่รัฐบาลห้ามเกษตรกรทำนาปรัง และส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย และอาจเป็นตัวอย่างให้เห็นว่า บริษัทจากต่างประเทศทำไมจึงสามารถใช้น้ำได้มากมาย ส่วนเกษตรกรที่เป็นคนไทยไม่สามารถใช้น้ำเพื่อทำการเกษตรได้จึงต้องมีการจัดระเบียบใหม่

ส่วนปัญหาเรื่องสารเคมีตกค้างที่ชาวบ้านเกรงจะเกิดผลกระทบ พบว่าน้ำยาที่นำมาล้างผลกล้วยเป็นยาป้องกันเชื้อรา ส่วนการเก็บตัวอย่าง ดิน น้ำ และกล้วยหอม ไปตรวจสอบพบว่า ผลกล้วยนั้นไม่มีสารเคมีอันตรายแต่อย่างใด ส่วนผลการตรวจดินและน้ำ ตลอดถึงการตัดต่อด้านพันธุกรรมหรือไม่ ยังอยู่ระหว่างการรอรับฟังผล เรื่องของสวนกล้วยหอมแห่งนี้ ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบหมายให้หลายหน่วยงานทั้งในพื้นที่จังหวัดเชียงราย และจากส่วนกลาง เข้าแนะนำให้สวนกล้วยทำการเกษตรระบบ GAP เพื่อควบคุมการผลิต และช่วยดูปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ในปี 2560 มีโครงการจะสร้างฝายในแม่น้ำอิง 4 แห่ง เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งระยะยาวจากแม่น้ำอิง อีกด้วย อิสระ บุญอนันต์ นักข่าวสุขภาวะ จ.เชียงราย รายงาน