แผนรับมืออุบัติเหตุจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จากประเทศเพื่อนบ้าน

เมื่อเดือน กรกฎาคม ที่ผ่านมา ที่โรงแรมปทุมรัตน์ จังหวัดอุบลราชธานี กองการศึกษาและประสานงานพลังงานนิวเคลียร์ กระทรวงพลังงาน ได้จัดโครงการศึกษาและจัดทำแผนการเตรียมความพร้อม เพื่อรองรับการพัฒนาการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ในประเทศเพื่อนบ้าน มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจแก่ประชาชน ในเรื่องผลกระทบ กรณีหากเกิดอุบัติเหตุจากโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ของประเทศเพื่อนบ้าน เกี่ยวกับการแพร่กระจายรังสี อันตรายที่ได้รับจากรังสี และเพื่อเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือประชาชน ทั้งด้านการดูแลอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการด้านความปลอดภัย และตามมาตรฐาน IAEA รวมถึงเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์ในประเทศไทย โดยมีผู้เข้าร่วมเวทีแสดงความคิดเห็น ประกอบด้วย พลังงานจังหวัดพื้นที่ยุทธศาสตร์พลังงานนิวเคลียร์ และจังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ คือ จ.อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ ชัยนาท ตราด ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร นครศรีธรรมราช นครสวรรค์ ชลบุรี และสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ NGO และสื่อมวลชนในพื้นที่ โดยที่ประชุมได้ร่วมแสดงความคิดเห็นถึงผลกระทบของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ตอบแบบสอบถาม พร้อมเสนอแนะรูปแบบการจัดทำแบบสอบถาม เพื่อให้ประชาชนอ่านเข้าใจง่าย และให้ข้อมูลได้อย่างถูกต้องที่สุด และนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ สังเคราะห์ เพื่อออกแบบเป็นแผนการป้องกันอุบัติเหตุ จากโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ต่อไป

ทั้งนี้ ประเทศเพื่อนบ้านของไทย มีแผนในการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ไปแล้วหลายประเทศ เช่น จีน มีโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ที่เดินเครื่องแล้ว 10 โรง กำลังก่อสร้าง 5 โรง มีแผนก่อสร้างอีก 13 โรง และอีก 50 โรง กำลังอยู่ระหว่างการเสนอขอนุมัติ , อินโดนีเซีย 4 โรง , เวียดนาม 8 โรง โดยโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ นินห์ถ่วน ขนาด 1,000 เมกกะวัตต์ มีกำหนดสร้างในปี 2557 เดินเครื่องในปี 2563 ซึ่งโรงไฟฟ้าดังกล่าว มีจุดที่ตั้งใกล้กับพื้นที่ 35 จุด ใน 9 จังหวัดของประเทศไทย คือ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ มุกดาหาร นครพนม ตราด จันทบุรี สระแก้ว โดย 10 อับดับพื้นที่ ที่มีความเสี่ยงมากสุด คือ อ.นาจะหลวย , อ.บุณทริก ,อ.น้ำยืน ,อ.สิรินธร ,อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ,อ.กันทราลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ , อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี , อ.ขุนหาญ ,อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ และ อ.โพธิ์ไทร จ.อุบลราชธานี

ปัจจุบันโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ มีกระจายอยู่ใน 29 ประเทศ จำนวน 443 โรง สหรัฐอเมริกา มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มากที่สุด จำนวน 104 โรง , ฝรั่งเศส 58 โรง , ญี่ปุ่น 55 โรง และสิ่งที่ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่มีความวิตกและกลัวโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เนื่องจากได้เกิดเหตุระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต เจ็บป่วย และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นจำนวนมาก เช่น เหตุการณ์โรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ ไดอิจิ ที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2554 เกิดเหตุแผ่นดินไหวที่ระดับ 9.0 ริกเตอร์ มีจุดศูนย์กลางห่างจากเกาะฮอนชู ประมาณ 130 กิโลเมตร และลึกลงไปใต้ดินประมาณ 24 เมตร ซึ่งจากการระเบิดของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ในโรงไฟฟ้า ดังกล่าว ส่งผลให้รังสีต่างๆหลุดออกมา เช่น ไอโอดีน-131 ถ้ามนุษย์รับเข้าไปมากๆ จะทำให้เกิดความผิดปกติของเซลล์ หรืออาจกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้ , พลูโตเนียม -239 ซึ่งมีความเป็นพิษสูง หากสุดดมเข้าไปจะส่งผลให้เป็นมะเร็งปอด เนื่องจากเนื้อเยื่อปอดไวต่อรังสี และส่งผลต่อระบบสืบพันธุ์ แต่จะไม่เป็นอันตรายมากหากรับประทานเข้าไป , ซีเซียม-137 สามารถเข้าไปในห่วงโซ่อาหาร ถ้าสูดดมหรือรับประทานเข้าไปจะทำให้มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นมะเร็งในหลายอวัยวะ และ สตรอมเทียม-90 เป็นรังสีที่มีคุณสมบัติคล้ายซีเซียม เมื่ออยู่ในสิ่งแวดล้อมและเมื่อเรารับประทานเข้าไป จะไปอยู่ที่กระดูกและฟัน ทำให้มีความเสี่ยงสูงขึ้นที่จะเป็นมะเร็งกระดูกหรือมะเร็งไขกระดูก และอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่คนทั่วโลกหวาดหวั่น นั่นคือการระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอโนบิล ประเทศยูเครน ที่มีผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากรังสี กว่า 6 แสนคน เสียชีวิตทันทีหลังการระเบิด 56 คน และมีผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งที่ต่อมไทรอยด์หลังการสัมผัสสารกัมมันตภาพรังสีสูงถึง 4,000 คน

คุณผู้ฟังคะ ... พลังงานเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นมากในชีวิตประจำวันของเรา แต่แหล่งพลังงานใดจะเป็นแหล่งพลังงานที่ปลอดภัย และมีใช้อย่างเพียงพอสำหรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นทุกวัน และถ้าหากเราจำเป็นต้องมีโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ จริงๆ เราจะมีแผนในการป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ?? ... นิชรา บุญตะนัย ผู้สื่อข่าวสุขภาวะภาคอีสาน สานใจ สานพลัง รายงานจาก จังหวัดอุบลราชธานี ค่ะ